Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง Amazon.com เปิดตัวเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ หรือ เว็บขายของออนไลน์ เมื่อกว่า 2 ทศวรรษก่อนท่ามกลางเสียงครหาว่าเขาเป็นคนบ้า เพราะในสมัยนั้น การค้าขายเกือบทั้งหมดเป็น Offline สินค้าต้องได้เห็น ได้จับ ได้ชิม ได้ลอง ก่อนจะตัดสินใจซื้อ ผู้คนในสมัยนั้นจินตนาการไม่ออกว่า การดูเพียงรูปสินค้าทางจอคอมพิวเตอร์จะก่อให้เกิดการซื้อขายได้อย่างไร
แต่วันนี้ Amazon.com กลายเป็น เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ อันดับ 1 ของโลกและส่งผลให้ Jeff Bezos กลายเป็นคนรวยที่สุดในโลกอีกด้วย — ไปดูกันว่า Jeff Bezos มองเห็นอะไรในอนาคต (ก็คือวันนี้) ณ วันที่เขาเพิ่งเริ่มก่อตั้งกิจการ
อนาคตที่ Jeff Bezos มองเห็นในตอนนั้น
1. ต่อไปคนจะซื้อแทบทุกอย่างได้บนออนไลน์
Jeff Bezos ให้สัมภาษณ์ในรายการทอล์คโชว์ Charlie Rose เมื่อปี คศ. 1999 ว่า
“…We want to try and build a place where people can come to find and discover anything they might want to buy online…”
แปลว่า เขาต้องการสร้างสถานที่ที่คนมาค้นหาและสั่งซื้อได้ทุกสิ่งอย่างบนโลกออนไลน์ และในปัจจุบัน ภาพฝันของเขาเป็นจริงแล้วเมื่อผลสำรวจจาก Marist College และ NPR : National Public Radio ทำโพลในปี 2018 และพบว่า เมื่อจะค้นหาสินค้า คนไปค้นหาที่ Amazon.com ก่อน Google search engine
ปัจจุบัน Amazon.com ได้รับฉายา ‘The everything store’ ซึ่งไม่ได้ขายเพียง Fashion และ Electronics แต่ยังรวมไปถึงสินค้าอุปโภคและบริโภค ข้าวของเครื่องใข้ภายในบ้านทั้งชิ้นเล็กชิ้นน้อย ไปจนถึงชิ้นใหญ่ ๆ อย่าง Container House ก็มีขาย หรือ แม้แต่ Fossil ของไดโนเสาร์ ก็ยังหาซื้อได้จาก eBay!!
2. โชห่วยจะตายเกลื่อน
“…Strip malls are history…” เป็นคำพยากรณ์ของ Jeff Bezos ในเว็บไซต์ Wired เมื่อปี 1999 คำว่า Strip Mall จะมีลักษณะคล้ายกับ โชห่วย ในประเทศไทย คือ เป็นร้านขายเดียว ๆ อาทิ Corner store (ร้านมุมตึก), ร้านตึกแถว หรือ แม้แต่คอมมิวนีตี้มอลล์ขนาดเล็กที่เปิดเรียงรายกัน บริหารโดยเจ้าของคนเดียว และไม่มีระบบการจัดการ เป็นต้น
Jeff Bezos มีมุมมองว่า Strip malls (หรือโชห่วย) สร้างประสบการณ์ที่ไม่ดีแก่ลูกค้า อาทิ การบริการ บรรยากาศของร้าน ราคาสินค้าสูง ฯลฯ ซึ่งอดีตที่ผ่านมาอยู่ได้เพราะลูกค้าไม่มีทางเลือก แต่หลังจาก Modern trade (ศูนย์การค้าที่รวมแหล่งพักผ่อนและบันเทิง) และ E-Commerce Marketplace (เว็บศูนย์รวมสินค้าออนไลน์ขนาดใหญ่) มาถึง โชห่วยเหล่านั้นจะกลายเป็นประวัติศาสตร์
3. เครื่องใช้ไฟฟ้าจะเป็น Internet of Thing
อีกครั้งกับการพูดคุยในรายการ Charlie Rose เมื่อปี คศ. 1999 — Jeff Bezos เห็นภาพของ เครื่องใช้ไฟฟ้า และ อุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ ต่าง ๆ จะกลายเป็น Smart Device คือ มีการเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ต และเป็น Internet of Things ที่สั่งการผ่านอุปกรณ์มือถือเครื่องเดียว ไปจนถึงสั่งการณ์ด้วยเสียงโดยมีระบบ AI รองรับ โดยปัจจุบัน Amazon.com มีสินค้าเหล่านี้จำหน่ายแล้วภายใต้ยี่ห้อ Echo
4. ร้านหนังสือจะกลายเป็นโบราณสถาน
Amazon.com เริ่มต้นธุรกิจอีคอมเมิร์ซจากหมวดหนังสือ และสร้างความไม่พอใจให้เจ้าตลาดธุรกิจหนังสืออย่าง Barnes & Noble จนถึงขั้นพยายามหาทางเอาผิดเพื่อให้ Amazon.com เลิกกิจการมาแล้ว แต่สำหรับ Jeff Bezos, เขาไม่ได้มองตัวเองเป็นร้านหนังสือ แต่หนังสือเป็นเพียงหนึ่งในหมวดหมู่เล็ก ๆ ของธุรกิจ E-Commerce ทั้งหมดของเขา (และของโลก)
Jeff Bezos ให้สัมภาษณ์ผ่านเว็บไซต์ Wired ในปี 1999 ว่า :
“I bet you a year from now they (Barnes & Noble) will not consider us direct competitors […] Clearly they do today, but we’re on different paths. We’re trying to invent the future of e-commerce, and they’re just defending their turf.”
แปลว่า : “แม้วันนี้พวกเขาจะมองพวกเราเป็นคู่แข่งโดยตรง แต่จริง ๆ แล้วเราเดินบนถนนคนละเส้น พวกเรากำลังสร้างโลกอนาคตแห่งการค้าขายออนไลน์ ในขณะที่พวกเขาแค่ปกป้องตัวเองไม่ให้สูญพันธ์”
5. ธุรกิจสื่อเก่าจะถดถอยอย่างหนัก
Jeff Bezos กล่าวว่า “…Advertising is also a very valid model on the ‘net. They’re going to be able to make their ads more meaningful to customers by better targeting your ads, something that’s hard to do in broadcast…”
ออนไลน์ คือ อนาคตของสื่อโฆษณาที่สามารถสร้างคุณค่าและส่งโฆษณาได้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากกว่า ‘สื่อเก่า’ (หนังสือพิมพ์ วิทยุ และโทรทัศน์) คำพยากรณ์ของเขาเป็นจริงเมื่อ บริษัทวิจัยตลาด Magna Global ออกมาเผยตัวเลขเม็ดเงินโฆษณาได้ย้ายไปหาฝั่ง ‘ออนไลน์’ แซงหน้า สื่อเก่าอย่าง ‘โทรทัศน์’ แบบเด็ดขาดแล้วในปี 2017