Jack Mann หนุ่มพเนจรผู้ทำเงินนับล้านจากขายของออนไลน์

Jack Mann ผู้ใช้ชีวิตอยู่ในรถแวนที่ตกแต่งเป็นบ้านเคลื่อนที่ เดินทางไปทั่วสหรัฐอเมริกา ใช้ชีวิตแบบค่ำไหนนอนนั่น ดูผิวเผินเหมือนหนุ่มพเนจรผู้ไร้บ้าน แต่เขาคือเจ้าของผลิตภัณฑ์ Vibes High Fidelity-Reusable Concert Earplugs ที่มียอดขายสูงถึง 2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2017


จุดเริ่มต้น

Jack Mann เป็นอดีตพนักงานประจำในตำแหน่ง นักขาย ที่มีความหลงใหลในการไปฟังดนตรีสดจากศิลปินคนโปรดตามงานคอนเสิร์ตและอีเวนต์ต่าง ๆ การฟังดนตรีสดส่งกระทบต่อแก้วหูของเขาอย่างช้า ๆ จนกระทั่งแพทย์บอกว่าเขาต้องใส่ Earplugs ทุกครั้งที่ไปงานคอนเสิร์ต

การใส่ Earplugs ช่วยป้องกันหูเสื่อมก็จริง แต่เขาต้องสูญเสียอรรถรสของการฟังดนตรีสดและเป็นจุดเริ่มต้นให้เขาคิดหา Earplugs ที่ป้องกันหูเสื่อมไปพร้อมกับได้คุณภาพเสียงในงานคอนเสิร์ตอย่างเต็มที่ และกลายมาเป็นผลิตภัณฑ์โปรโตไทพ์ Vibes High Fidelity-Resuable Concert Earplugs

หลังจากเขาใช้กับตัวเองได้ผล เขาจึงตระหนักว่าปัญหาหูเสื่อมนั้นเกิดได้กับทุกคน โดยทุกครั้งที่มนุษย์ได้ยินเสียง หูของพวกเขาจะค่อย ๆ เสื่อมลงทุกวัน แต่เสียงดัง เช่น จากงานคอนเสิร์ตจะกระตุ้นให้หูเสื่อมเร็วกว่าปกติ ดังนั้นคนที่นิยมไปงานคอนเสิร์ตทุกคนควรรับรู้ปัญหานี้และควรมีโอกาสป้องกันตัวเองโดยไม่เสียอรรถรสในการฟังจาก Earplug คุณภาพต่ำ — นี่คือจุดเริ่มต้นของ Jack Mann ในการผลักดัน Vibes ให้เป็นธุรกิจอย่างจริงจัง

เข้า Pitching กับ Shark Tank

3 เดือนหลังจากเปิดตัว Vibes ออกสู่ตลาดในปี 2016 —Jack Mann ได้รับการติดต่อจาก Shark Tank รายการโทรทัศน์แบบ Reality Show ด้านการประกวด Pitching ธุรกิจ ให้ไปร่วมรายการ แม้เขาจะได้ไปออกรายการและมีโอกาสได้ Pitching ธุรกิจของเขาต่อหน้านักลงทุนแนวหน้าของสหรัฐ แต่ข้อเสนอที่เขาได้รับจาก Kevin O’Leary หนึ่งในคณะกรรมการและนักลงทุนประจำรายการนั้นตึงเกินกว่าเขาจะรับได้

Kevin O’Leary ยินดีลงทุนใน Vibes ทันทีด้วยเงินลงทุน 100,000 เหรียญ เพื่อแลกกับหุ้น 35% และส่วนแบ่งยอดขาย 2 เหรียญจากทุก ๆ ออเดอร์ ซึ่ง Jack Mann มองว่ามากเกินไป เขาจึงปฏิเสธข้อเสนอและเดินกลับบ้านมือเปล่า แต่การออกรายการ Shark Tank กลับกลายเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ธุรกิจของเขาฟรี ๆ และแบรนด์ Vibes ก็เริ่มเป็นที่รู้จักในข้ามคืน


เริ่มจากกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนเพียงกลุ่มเดียว

Jack Mann ตัดสินใจลุยธุรกิจด้วยตัวเองโดยใช้เงินส่วนตัวจำนวน 33,000 เหรียญ ในปี 2016 และในปี 2017 เขามียอดขายผลิตภัณฑ์สูงถึง 1 ล้านเหรียญ

Jack Mann เริ่มต้นจากการมีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนมากเพียงกลุ่มเดียวนั่นคือ คนที่ชอบไปงานคอนเสิร์ต โดยเขาจะไปออกบูธขาย Vibes ราคา 23.99 เหรียญต่อชุด ตามงานแสดงคอนเสิร์ตและงานอีเวนต์ที่มีดนตรีสดตามที่ต่าง ๆ ในช่วงแรก นอกจากนั้นเขายังทำการขายสินค้าผ่านเว็บไซต์ Amazon.com และขายออนไลน์ผ่านเว็บไซต์หลักของแบรนด์

หลังจากจับกลุ่มลูกค้างานคอนเสิร์ตสำเร็จแล้วจึงขยับไปยังกลุ่มใกล้เคียงได้แก่ กลุ่มผู้ชมการแข่งรถ กลุ่มทหาร และกลุ่มสุขภาพ เป็นต้น ฯลฯ

หลังจากธุรกิจอยู่ตัวมากขึ้น Jack Mann ได้เริ่มประชาสัมพันธ์แบรนด์ Vibes ผ่านหน่วยงานด้านสุขภาพในรูปแบบของการ Sponsor โดยเขาแบ่งเงินบริจาคจากทุก ๆ ยอดขายให้กับ Hear the World Foundation เป็นต้น เพื่อสนับสนุนการรักษาเด็กที่มีปัญหาด้านการได้ยิน โดยเขาเชื่อว่า การฟัง เป็นหนึ่งในการเรียนรู้และพัฒนาการของเด็ก และเด็กจำนวนไม่น้อยบนโลกมีปัญหาการได้ยินโดยไม่รู้ตัวซึ่งจะส่งผลให้เขาเรียนรู้ช้ากว่าเด็กที่มีประสาทการได้ยินปกติ

ไลฟ์สไตล์แบบชายพเนจร

Jack Mann และแฟนสาวของเขาต้องเดินทางบ่อย ๆ ในช่วงแรกเพื่อไปขายผลิตภัณฑ์ Vibes ตามงานอีเวนต์ต่าง ๆ ด้วยตนเอง ทำให้เขาตัดสินใจให้คนเช่าต่ออพาร์ทเมนต์ในเมือง Minneapolis และลงทุนซื้อรถแวนราคา 50,000 เหรียญ มาตกแต่งเป็นที่อยู่อาศัยเคลื่อนที่

นับตั้งแต่ก่อตั้ง Vibes จนถึงกลางปี 2018 เขาเดินทางเป็นระยะทางมากกว่า 25,000 กิโลเมตร ในกว่า 11 รัฐทั่วสหรัฐอเมริกา และถึงแม้ภายหลังเขาจะเดินทางไปขายสินค้าตามงานน้อยลงเพราะยอดขายที่มาจากออนไลน์ แต่เขาก็ติดใจกับไลฟ์สไตล์ดังกล่าวไปแล้ว

ตารางชีวิตหลังย้ายมาอาศัยในแวน

  • 5:45 a.m. ตื่นนอน ออกกำลังกาย รับประทานอาหารเช้า
  • 7:00 a.m. เริ่มทำงาน ทำในรถแวน ร้านกาแฟ และ Co-Working Space
  • 3:00 p.m. เลิกงาน วางแผนงานวันถัดไป พักผ่อน ออกไปเดินเที่ยวในพื้นที่ใกล้ ๆ
  • 7:00 p.m. ออกเดินรถไปยังปลายทางใหม่ ๆ
  • 9:00 p.m. เข้านอน
Image from: https://www.cnbc.com/2018/08/07/digital-nomad-vibes-founder-jack-mann-runs-his-start-up-out-of-his-van.html
Image from: https://www.cnbc.com/2018/08/07/digital-nomad-vibes-founder-jack-mann-runs-his-start-up-out-of-his-van.html
Image from: https://www.cnbc.com/2018/08/07/digital-nomad-vibes-founder-jack-mann-runs-his-start-up-out-of-his-van.html


Jack Mann บอกต่อสื่อ CNBC ว่า “Work is action not location” กล่าวคือ เทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตช่วยให้คนทำงานจากที่ไหนก็ได้ และผลลัพธ์ของงานคือสิ่งที่ขับเคลื่อนธุรกิจไปข้างหน้า และเขาได้ใช้ศักยภาพของเทคโนโลยีนี้อย่างเต็มกำลัง

การเปลี่ยนมาอาศัยในรถแวนช่วยให้เขาประหยัดค่าใช้จ่ายเมื่อเทียบกับการอยู่ในอพาร์ทเมนต์ปกติถึง 30% และค่าอาหารก็ลดลงมากเพราะเขาต้องวางแผนการเก็บรักษาวัตถุดิบและการปรุงอาหารด้วยตนเองแทนการไปซื้อรับประทานตามร้านที่ราคาต่อหน่วยสูงกว่า

Jack Mann ย้ำว่าเขายังไม่มีแผนที่จะเปลี่ยนกลับไปใช้ชีวิตในเมืองตามปกติในเร็ว ๆ นี้ และจะยังคงท่องเที่ยวและสำรวจประเทศผ่านประสบการณ์ในรถแวนจากนี้ไปอีกนาน!

Image from: https://www.cnbc.com/2018/08/07/digital-nomad-vibes-founder-jack-mann-runs-his-start-up-out-of-his-van.html