หนังสือ Jab, Jab, Jab, Right Hook แย็บบ่อย ๆ สอยด้วยฮุคขวา

CEO Book : รีวิวหนังสือ Jab, Jab, Jab, Right Hook แย็บบ่อย ๆ สอยด้วยฮุคขวา by Gary Vaynerchuk

หนังสือที่จะรีวิวในวันนี้ก็คือ Jab, Jab, Jab, Right Hook แย็บบ่อย ๆ สอยด้วยฮุคขวา ที่เขียนโดย Gary Vaynerchuk ซึ่งนำมาแปลไทยโดยสำนักพิมพ์เนชั่นบุ๊คส์ ซึ่งมีตัวอย่างบางตอนจากในหนังสือให้ได้อ่านกันอีกด้วย

100 สุดยอดหนังสือธุรกิจเปลี่ยนชีวิตที่ CEO ทั่วโลกแนะนำ ต้องหามาอ่านให้ได้สักครั้งในชีวิต

Gary Vaynerchuk เป็นทั้งนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงด้วยการใช้สื่อโซเชียลมีเดียในการทำการตลาดออนไลน์ ด้วยการพาธุรกิจของครอบครัวจากเดิมที่มียอดขายไม่กี่ล้านจนมียอดขายเป็นพันล้านได้ในเวลาไม่กี่ปี และหลังจากนั้นเขาก็ใช้เทคนิคคล้าย ๆ เดิมในการปั้นธุรกิจตัวใหม่ เช่นบริษัท Vaynermedia ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านธุรกิจดิจิตอล ซึ่งเคยทำงานกับบริษัทใหญ่ ๆ ในระดับ Fortune 500 ด้วยกันหลายแห่ง จนประสบความสำเร็จอย่างสูงอีกเช่นกัน หนังสือเล่มนี้มีชื่อเต็มทั้งไทยและอังกฤษว่า

  • Jab, Jab, Jab, Right Hook: How to Tell Your Story in a Noisy Social World
  • แย็บบ่อย ๆ สอยด้วยฮุคขวา: เคล็ดลับโซเชียลมีเดีย

ซึ่ง แกรี่ ได้บอกกับเราว่า ในความง่ายของโลกโซเชียลเน็ตเวิร์คนั้น มันมีความยากแฝงอยู่ก็คือ ในเมื่อใคร ๆ ก็สามารถสร้างมันขึ้นมาได้ นั่นก็หมายถึงคู่แข่งย่อมมีมากขึ้นหลายเท่าตัวเช่นกัน ในยุคที่ใคร ๆ ก็ขายครีม ขายเครื่องสำอาง ขายอาหารเสริม หรือสินค้าอื่น ๆ ที่ดูแล้วก็เหมือน ๆ กันไปหมด แล้วจะทำยังไงถึงจะเรียกความสนใจจากผู้บริโภคยังไงได้บ้าง เพื่อให้แตกต่างจากแบรนด์อื่น ๆ คู่แข่งคนอื่น ๆ

และแทนที่คุณจะโพสต์แต่การขาย, การลดราคา, โปรโมชั่น, รับสมัครตัวแทน, ซื้อ 1 แถม 1 หรือจะอะไรก็แล้วแต่ ให้คุณลองนึกถึงในกรณีที่เป็นคุณ แล้วอยู่ดี ๆ คนไม่รู้จักกันมาเสนอขายสินค้าต่อหน้า คุณก็แทบจะปิดกำแพงลงทันที ดังนั้น ไม่ว่าใครก็รู้สึกอึดอัดเมื่อมีใครสักคนมานำเสนอขายสินค้า

ดังนั้น แทนที่จะพยายามปิดการขายให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ คุณควรเปลี่ยนเป็น ค่อย ๆ แย็บทีละนิด ๆ น้อยการส่งมอบ Content ที่มีประโยชน์ต่อกลุ่มเป้าหมายหรือว่าที่ลูกค้าของเราให้แบบฟรี ๆ และคุณต้องให้ความสำคัญกับการใช้สื่อโซเชียลมีเดียแต่ละแพลตฟอร์มให้เหมาะสมกับกลุ่มคนที่ใช้มันด้วย เพราะไม่ว่าจะเป็น Facebook, Youtube, Instagram, LINE@ หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ละที่จะมีพฤติกรรมที่แตกต่างกัน ทั้งวิธีการใช้งานและการเสพย์ข้อมูล Content

ซึ่งในหนังสือเล่มนี้จะกล่าวถึง ตัวอย่างและวิธีการทั้งตัวอย่างที่ดีและตัวอย่างที่แย่ ของแบรนด์ต่าง ๆ ที่ทำการตลาดบนโซเชียลมีเดีย ตามสไตล์ภาษาจิกกัดของ Gary Vaynerchuk

และนี่คือบทเรียนที่คุณสามารถหาได้จากหนังสือเล่มนี้ ที่ผมเองก็ได้เรียนรู้จากมันเช่นกัน ส่วนใครกำลังหาซื้อ ลองดูที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป แต่โดยปกติแล้วผมจะหาบนเว็บไซต์แล้วสั่งซื้อทางไปรษณีย์มากกว่า เพราะบางทีไปร้านหนังสือมันก็ไม่ได้มีวางอยู่บนชั้นแล้ว สำหรับหนังสือเล่มนี้ก็สามารถหาซื้อได้บน ซีเอ็ด มีทั้งเวอร์ชั่นหนังสือเล่มและอีบุ๊คด้วยนะเออ

6 บทเรียนจากหนังสือ Jab, Jab, Jab, Right Hook แย็บบ่อย ๆ สอยด้วยฮุคขวาboxing

บทเรียนที่ 1 Content is King แต่ Context is God

กล่าวคือ แม้ว่า Content จะถูกขนานนามให้เป็นพระราชาในการทำการตลาด แต่อย่าลืมว่า หากคุณนำเสนอผิดที่ผิดทาง ยังไงมันก็ไม่รุ่ง ต่อให้ Content มีเนื้อหาที่เป็นประโยชน์และดีมากแค่ไหนก็ตามที หากไม่มีคนมองเห็น Content นั้น ก็เท่ากับว่า มันไม่เคยมีตัวตนอยู่เลยบนโลกออนไลน์ ดังนั้น นอกจากจะศึกษาพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายของเราว่า ชอบ Content ประเภทไหนแล้ว จำเป็นต้องศึกษาวิธีการเสพย์ Content ของแต่ละแพลตฟอร์มด้วย

บทเรียนที่ 2 Quality สำคัญกว่า Quantity

คุณภาพ(Quality) นั้นย่อมสำคัญกว่าจำนวน(Quantity) ซึ่งแม้ว่าในโลกโซเชียลมีเดียนั้น จำเป็นที่จะต้องมีการอัพเดท Content ที่ค่อนข้างบ่อย เพราะจำเป็นที่จะต้องมี Activity หรือมีส่วนร่วมกับกลุ่มผู้ติดตามอยู่เสมอ เรีกยได้ว่า ถ้าหากขาดการอัพเดทหายไปเพียงอาทิตย์เดียว ผู้คนบนโลกออนไลน์ก็อาจจะหลงลืมคุณไปได้ง่าย ๆ

แต่อย่าลืมว่า การอัพเดทที่บ่อยจนเกินไป มันจะส่งผลเสียโดยตรงต่อคุณภาพของ Content เพราะถ้าคุณเน้นที่จำนวนเพียงอย่างเดียว สิ่งที่ตามมาก็คือ คุณภาพของ Content จะลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งคุณอาจจะต้องมีทีมงานเข้ามาช่วยเสริมกำลัง ในการจัดการ และข้อเสียที่อาจส่งผลร้ายอย่างรุนแรงต่อมาก็คือ การที่คุณปล่อย Content ห่วย ๆ ออกไป นั่นมันส่งผลต่อภพลักษณ์ของแบรนด์คุณโดยตรง แทนที่จะมีผลดีในการอัพเดทที่มีความถี่สูง แต่กลับกลายเป็นว่า ได้ข้อมูลมาแบบผิด ๆ ถูก ๆ หรือเรียบเรียงเนื้อหาได้ไม่ดีพอ หรือเป็น Content ดาษดื่นที่หาได้จากเว็บทั่ว ๆ ไป ท้ายที่สุด ต่อให้จำนวนมีเยอะ แต่ก็ใช่ว่าจะไปรอด

ในขณะเดียวกันหากคุณโฟกัสที่คุณภาพของการสร้าง Content ออกมาดี ๆ สักชิ้นหนึ่งนั้น มันอาจส่งผลลัพธ์ได้เท่ากับ Content นับสิบรวมกันเสียอีก ดังนั้น ให้เน้นที่คุณภาพก่อน แล้วค่อย ๆ เพิ่มปริมาณในภายหลัง

บทเรียนที่ 3 สร้าง Connection กับผู้คน

แน่นอนว่า คนส่วนใหญ่มักจะซื้อสินค้าจากแบรนด์ที่พวกเขาเชื่อถือและติดตามอยู่เป็นประจำ สาเหตุก็เพราะ พวกเขาเชื่อมั่นในแบรนด์ เพราะไม่มีใครอยากถูกคนแปลกหน้ามาเสนอขายสินค้ากันดื้อ ๆ หรอก

สิ่งที่คุณต้องทำในฐานะเจ้าของแบรนด์ก็คือ สานสัมพันธ์กับพวกเขา ทำให้พวกเขามีส่วนร่วมกับแบรนด์ เพราะข้อดีของการใช้สื่อโซเชียลมีเดียก็คือ การสนทนาแบบ 2 way communication ซึ่งทั้งแบรนด์และผู้บริโภคเอง ก็สามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้

ดังนั้นหลักการง่าย ๆ ในการส่งมอบ Content เพื่อสร้างความสัมพันธ์ก็คือ คุณต้องให้พวกเขามากพอ จนกระอัก จนพวกเขารู้สึกผิดเลยว่า นี่ขนาด Content ฟรี ยังดีขนาดนี้ เยอะขนาดนี้ เป็นประโยชน์ขนาดนี้ แล้วในเมื่อแบรนด์นำเสนอสินค้าหรือบริการ ก็อยากจะอุดหนุนสักหน่อย เพราะเท่าที่ผ่านมาเสพย์แต่ของฟรีจนรู้สึกผิด เลยต้องตอบแทนแบรนด์ด้วยการอุดหนุนอะไรสักอย่าง

บทเรียนที่ 4 สนุกและผ่อนคลาย

หากเปรียบโลกของตัวอักษรที่ไม่ว่าจะอยู่บนหนังสือ แมกกาซีน หรือป้ายโฆษณา อาจจะต้องดูจริงจัง น่าเชื่อถือ และเน้นความถูกต้องเป็นหลัก แต่ในขณะที่เมื่อเข้าสู่โลกออนไลน์นั้น จำเป็นต้องปรับเนื้อหาให้มีความสนุกสนานมากยิ่งขึ้น เสพย์ได้ง่ายขึ้น เป็นทางการน้อยลงแต่เป็นกันเองมากขึ้น อย่างเช่นตัวผมเองได้มีโอกาสทำงานร่วมกับคนที่มาจากทั้งทางโลกออฟไลน์และโลกออนไลน์ ที่ทำการด้านแมกกาซีน ต้องบอกได้เลยว่า คนที่เคยทำงานในสำนักพิมพ์ออฟไลน์จ๋ามาก่อนนั้น ถึงกับไปไม่ถูกเมื่อมาทำแมกกาซีนออนไลน์ เพราะอย่าลืมว่า พฤติกรรมของผู้คนย่อมแตกต่างกัน เมื่อเปลี่ยนแพลตฟอร์ม ดังนั้น จะมาเขียน Content แบบเดิม ๆ ที่เคยทำมาก่อนไม่ได้ โดยเฉพาะโซเชียลเน็ตเวิร์คที่ผู้คนมักจะเป็นคนขี้เบื่อง่าย และเครียดมาจากโลกการทำงาน ก็อยากหาอะไรที่มันสนุก ๆ และผ่อนคลายในโลกออนไลน์ ดังนั้นการแย็บทีละเล็กทีละน้อยนั้น คุณไม่ได้ขายอะไรพวกเขาเลย แต่คุณกำลังสร้างความสัมพันธ์อันดีกับผู้คนต่างหาก อย่าลืมว่า Content ดีแต่ไม่มีการเอ็นเตอร์เทนผู้คนเลย แล้วใครเขาก็เสพย์กันเล่า

บทเรียนที่ 5 ความพยายามอยู่ที่ไหนความพยายามอยู่ที่นั่น (ถุ้ย!)

สำนวนไทยนี้ยังใช้ได้ผลแม้ในยุคปัจจุบันอยู่เสมอ ก็คือ “ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น” แต่ต้องวงเล็บกันเหนียวเพิ่มเติมไปด้วยว่า “พยายามผิดที่ สิบปีก็ไม่สำเร็จ” ดังนั้นหาที่ลงให้ถูกก่อน แล้วใส่ความพยายามลงไป เพราะหากคุณไม่มีความพยายาม ความขยันหมั่นเพียร ความอดกลั้นอดทน และความชอบในสิ่งที่ทำ แล้วล่ะก็ กว่ามันจะประสบความสำเร็จนั้น มันง่ายมากที่คุณจะล้มเลิกกลางคัน ทั้ง ๆ ที่พยายามอีกอึดใจเดียว มันก็จะปังอยู่แล้วเชียว เพราะในช่วงเริ่มต้นการทำโซเชียลมีเดียนั้น ในตอนแรกมันจะมีผู้คนติดตามน้อยมาก น้อยซะจนคุณคิดว่า จะเสียเวลาทำไปให้ใครดูกันล่ะเนี่ย แต่ปรากฏการณ์นี้มักจะเกิดขึ้นอย่างชัวร์ เลยก็คือ หากคุณทำสัก 100 Content มันจะปังอย่างแน่นอนสักประมาณ 10-20 Content แล้วมันจะส่งผลกระทบต่อ Content ที่เหลืออีก 80-90 Content ให้มีคนพบเห็นมากยิ่งขึ้น

แต่หากคุณหวังว่าจะทำ Content เพียง 10-20 Content แล้วปังดังเปรี้ยงเลย ถ้าไม่ปังกรูเลิก! ซึ่งมันเป็นปกติอยู่แล้ว เพราะประสบการณ์ในการทำ Content ของคุณก็ยังน้อย แถมยังทำออกมาปริมาณน้อยอีกต่างหาก งานนี้ตัวใครตัวมัน

บทเรียนที่ 6 ทุกบริษัทคือบริษัทผู้ผลิตสื่อทั้งสิ้น

ถ้าหากคุณนึกถึงบริษัทที่ผลิตสื่อ ก็คงจะหนีไม่พ้น นิตยสาร สำนักพิมพ์ เอเจนซี่ หนังโฆษณา บลาๆๆๆ แต่หารู้ไม่ว่า ไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจอะไรก็ตาม ตัวคุณนั่นแหละคือสื่อชั้นยอด เพราะไม่มีใครรู้เกี่ยวกับตัวสินค้า หรือเรื่องที่มันเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ หรือเรื่องที่อยู่ในอุตสาหกรรมมากไปกว่าคุณอีกแล้ว คุณเพียงแค่ต้องเรียบเรียงเรื่องราวแล้วเล่าให้ผู้คนบนโลกโซเชียลได้เสพย์กัน

ดังนั้น ให้คุณคิดไปเลยว่า คนที่เขาจะซื้อของของคุณนั้น พวกเขาชอบเสพย์เนื้อหาเกี่ยวกับอะไรบ้าง ยกตัวอย่างเช่น หากคุณขายอาหารคลีน สิ่งที่ผู้คนต้องการเสพย์เนื้อหาก็น่าจะเป็น การดูแลสุขภาพ, ประโยชน์และสารอาหารแต่ละชนิด, การออกกำลังกาย, การพักผ่อน, การทำอาหาร, การถ่ายภาพสวย ๆ ลงบนโซเชียล บลาๆๆๆ และเมื่อคุณได้หัวข้อของแต่ละหมวดหมู่แล้ว จากนั้นก็ให้คุณทำการตั้งชื่อ Content ที่จะนำเสนอ แล้วจากนั้นก็เริ่มลงมือสร้าง Content ทันที


และหากคุณชอบใน Content ที่ทาง CEO BOG ได้นำเสนอ ในเร็ว ๆ นี้แอดมินขอแอบกระซิบก่อนเลยว่าทาง CEO BLOG ของเรานั้น กำลังจะมีโปรเจค CEO Premium Content ซึ่งเป็น Content ด้านการค้าปลีกออนไลน์ หรือจะเรียกเป็นภาษาปะกิดหรู ๆ หน่อยก็คือ Content ด้าน E-commerce แบบพรีเมี่ยม ที่หาอ่านไม่ได้บน Blog ปกติของ CEO BLOG โดยเราจะเปิดรับสมัครสมาชิกพรีเมี่ยมในเร็ว ๆ นี้ หากคุณไม่อยากพลาด Content ระดับ Premium สามารถลงทะเบียนเพื่อรับแจ้งข่าวสารได้ที่นี่ก่อนใครเลยครับ แอดมินรับรองได้เลยว่ามันจะสามารถช่วยเพิ่มศักยภาพของคนที่ค้าขายออนไลน์ได้ชัวร์ ๆ ซึ่งกระซิบต่ออีกนิดว่า เป็น Content ระดับพรีเมี่ยมในราคาที่โคตรคุ้มอย่างแน่นอน >>> ลงทะเบียนรับข่าวสารที่นี่ก่อนใครceo premium content

Resources