สงครามสิทธิบัตรบึ้ม! Huawei ชนะคดี Samsung ได้ทั้งเงิน ได้ทั้งครองอำนาจสิทธิบัตรในจีน

ศาลประชาชนกลางในเมือง เซินเจิ้น ประเทศจีน ได้อ่านคำพิพากษาในคดีที่ Huawei ฟ้องคู่แข่งอย่าง Samsung ของเกาหลีใต้ละเมิดเทคโนโลยีกาสื่อสารแบบไร้สายของบริษัท ผ่านการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ใช้สิทธิบัตรของ Huawei โดยศาลตัดสินให้ Huawei ชนะในคดีนี้ แต่ข้อเรียกร้องอื่น ๆ ของ Huawei ศาลยกฟ้อง และ Samsung ยังมีโอกาสยื่นอุทธรณ์ในศาลชั้นต่อไป  

ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์จนนำไปสู่การฟ้องร้องของ Huawei ต่อ Samsung เป็นปัญหากันมาตั้งแต่ปี 2016 ท่ามกลางการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น โดยคดีส่วนใหญ่เป็นเรื่องของสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีของโทรศัพท์มือถือ และการออกแบบ

Huawei ได้เปิดฉากค้าความในศาลกับ Samsung ในเดือนพฤษภาคม ปี 2016 โดยฟ้องร้อง Samsung ต่อศาลในสหรัฐอเมริกา และศาลประชาชนในเมือง กุ้ยโจว โดยอ้างว่า Samsung ได้ละเมิดสิทธิบัตรเทคโนโลยีระบบปฏิบัติการและอินเทอร์เฟซสำหรับผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ 4G ซึ่งในศาลชั้นต้น ตัดสินให้ Huawei ชนะคดี และ Samsung ต้องชดใช้ค่าเสียหายเป็นจำนวน 12 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (80 ล้านหยวน) แต่หลังจากนั้นไม่นาน Samsung ก็ฟ้องกลับ และเรียกร้องค่าเสียหายมากกว่าเป็น 2 เท่า คือ 161 ล้านหยวน

แต่แล้วในเดือนเมษายน ปี 2017 ศาลประชาชนกลางในเมืองกุ้ยโจว ก็ได้ตัดสินให้ Huawei ชนะในคดีนี้ และบังคับคดีให้ Samsung ต้องจ่ายเงินชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด 80 ล้านหยวน

และล่าสุดใน ปี 2018 นี้เอง Huawei ก็ชนะอีก 1 คดี ซึ่งยังไม่ได้ระบุมูลค่าความเสียหายที่ Samsung จะต้องจ่าย ระบุเพียงว่า Samsung จะต้องยุติการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ละเมิดสิทธิบัตรนี้โดยทันที และการเรียกร้องค่าเสียหาย จะประเมินจากยอดขายอุปกรณ์ที่ Samsung ละเมิดสิทธิบัตรไปทั้งหมด จึงจะประเมินออกมาเป็นตัวเลขได้

ท่ามกลางการชะลอตัวของยอดขายสมาร์ทโฟนทั่วโลก Huawei กลายเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนที่แข็งแกร่งเป็นอันดับที่ 2 เป็นรองเพียง Samsung เท่านั้น และอาวุธหนักที่ใช้ในการต่อสู้ในธุรกิจสมาร์ทโฟน กลับไม่ใช่สเปกเครื่องแรง ๆ หรือราคาถูก ๆ หรือโปรโมชั่นกระชากใจ แต่กลับเป็นสิทธิบัตร ที่บรรดาแบรนด์ใหญ่ต่างก็หวงแหน อย่าง Apple ก็ถูก Qualcomm ไล่ฟ้อง จนต้องวางแผนใหม่ เลิกใช้ชิปของ Qualcomm ไปเลย

สำหรับ Huawei นั้น ยอดขายในประเทศจีนก็มากมายมหาศาลอยู่แล้ว แต่การใช้สิทธิบัตรเป็นอาวุธในการโจมตี Samsung ก็เป็นการชิงยอดขายที่เป็นตัวเลขกลับมา เพราะเมื่อฟ้องชนะคดี ยอดขายผลิตภัณฑ์ที่ละเมิดสิทธิบัตรทั้งหมดของ ซัมซุงในประเทศจีน (อาจรวมถึงสหรัฐอเมริกาด้วย) จะถูกตีเป็นมูลค่าความเสียหาย ที่ซัมซุงต้องจ่ายคืนให้กับหัวเหว่ย  

เท่ากับว่า สิ่งที่ซัมซุงลงทุนไปทั้งหมด ทั้งค่าการผลิต ค่าการตลาด จะเท่ากับศูนย์ และหากหัวเหว่ยฟ้องชนะคดีใน 1 ศาล ก็ยังสามารถเอาคำพิพากษาไปเป็นบรรทัดฐานในการฟ้องคดีในศาลประเทศอื่น ๆ ได้อีก หากซัมซุงยิ่งจำหน่ายผลิตภัณฑ์รุ่นที่เป็นปัญหามากเท่าไหร่ และยิ่งขายดีมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเท่ากับเตรียมนำเงินทั้งหมดเอาไว้ให้ หัวเหว่ยเท่านั้น

นอกจากนี้ยังรวมไปถึงโรงงานในประเทศจีนที่รับคำสั่งผลิตสินค้าให้กับ ซัมซุง ก็ต้องหยุดการผลิตไปด้วย และทำให้บริษัทอื่นจะไม่กล้ารับงานจากซัมซุงอีก

Huawei ตั้งเป้าจะเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนอันดับ 1 ของโลกภายในปี 2020 และตอนนี้ก็กำลังพยายามทำทุกวิถีทาง เพราะได้เขี่ยให้ Apple พ้นทางไปแล้ว 1 ราย เหลือคู่แข่งรายใหญ่อย่าง Samsung เพียงรายเดียวเท่านั้น ซึ่งหากมองว่าการใช้กฎหมายในการกำจัดคู่แข่งอย่างซัมซุง ถือเป็นการค้าความและเป็นการเล่นนอกเกม ก็ต้องมองกลับว่า การที่ซัมซุงละเมิดสิทธิบัตรของหัวเหว่ยจริง ก็เป็นการชกใต้เข็มขัดเช่นกัน ในสนามธุรกิจจึงไม่มีความปราณีใด ๆ ทั้งสิ้น

ทรัพย์สินที่มีค่ามากที่สุดของแบรนด์ ไม่ใช่สินค้า แต่เป็นสิทธิบัตร ที่จะนำไปใช้ผลิตเป็นสินค้าต่างหาก เพราะถ้าไม่มีสิทธิบัตรแล้วฝืนผลิตสินค้านั้นออกมาก็จะต้องพบกับปัญหาการฟ้องร้องตามมามากมายไม่จบสิ้นแบบนี้

Huawei เล็งเห็นความสำคัญในสิทธิบัตรเช่นนี้ จึงมีการจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของหัวเหว่ย กระจายไปยัง ประเทศต่าง ๆ ถึง 16 แห่งทั่วโลก ซึ่งสามารถจดสิทธิบัตรให้ครอบคลุมไปทั่วโลกได้ ดังนั้นไม่ว่าซัมซุงจะไปขายที่ประเทศไหน ก็หนีไม่พ้นสิทธิบัตรของหัวเหว่ย

การต่อสู้ทางคดีระหว่าง Huawei และ Samsung จะยังคงดำเนินต่อไปอีกนาน แม้จะมีผลแพ้ชนะมาแล้วหลายคดี แต่เชื่อว่ายังมีคดีความที่ Huawei รอฟ้องร้องอยู่อีกมาก จนกว่าที่ Huawei จะก้าวขึ้นเป็นอันดับ 1 ของโลกได้ ต้องจับตาดูว่า Samsung จะรับมือกับเกมในศาลนี้อย่างไร

 

Source:

http://technode.com/2018/01/11/huawei-wins-another-patent-battle-samsung-china/