ปัจจุบันคนเริ่มต้นทำอาชีพส่วนตัวได้ง่ายขึ้นโดยเริ่มในรูปแบบผู้ประกอบอาชีพอิสระและเจ้าของตัวคนเดียว ใช้ทรัพยากรเท่าที่มีคือ ความรู้และทักษะในการทำงานเฉพาะทางในการขายและทำงาน กระทั่งสะสมทุนและฐานลูกค้าถึงจุดหนึ่งก็จะมีงานมากจนเริ่มจัดการคนเดียวไม่ไหวจึงค่อยขยับขยายสู่การจ้าง พนักงานคนแรกมาเป็นผู้ช่วย ตามมาด้วยคนที่สองและสามตามลำดับ
จุดนี้เองที่ผู้ประกอบการขนาดเล็กอาจเริ่มกุมขมับว่าจะมีวิธีคิดอย่างไรเกี่ยวกับการจ้างพนักงานคนแรก เพราะ 3 คีย์หลัก ๆ ที่เข้ามาในในเมื่อคิดจ้างคน ได้แก่…
- การจ้างคน คือ ค่าใช้จ่ายเพิ่ม
- จ้างมาแล้ว ทำได้ดีกว่าคุณหรือไม่
- จ้างมาแล้ว ไม่เหมาะสมกับงานจะทำอย่างไร
แต่หากคิดไม่ตกจนไม่เกิดการจ้างงาน ธุรกิจของคุณก็จะหยุดอยู่กับที่ไม่อาจรับงานและเติบโตไปมากกว่าที่เป็นอยู่ และนี่คือข้อคิดเบื้องต้นสำหรับไปพิจารณาก่อนจ้าง พนักงานคนแรก ของคุณ
1. จ้างพนักงานให้เป็น ‘สินทรัพย์’ ที่ก่อให้เกิดรายได้
หากจ้างพนักงานมาแล้วทำงานไม่ดี ไม่สามารถช่วยแบ่งเบางานจากคุณได้อย่างที่คาดหวัง และไม่ทำให้คุณมีเวลาไปขยายธุรกิจ พนักงานคนนั้น จะกลายเป็น ค่าใช้จ่ายทันที ข้อคิดสำคัญจึงเป็นการที่หาคนที่จะเข้ามาเป็น สินทรัพย์ ที่จะช่วยคุณทำงานในส่วนนั้นได้ทั้งหมด ทำให้คุณมีเวลาไปสร้างรายได้เข้าบริษัทขึ้นอีกหลายเท่าตัว
วิธีคิดคือให้ทำ Job Description โดยเริ่มจากตัวคุณเองก่อน ว่าหากคุณได้พนักงานคนนี้มาแล้ว หน้าที่ของคุณจากนี้ไปคืออะไร… ย้ำอีกครั้งนะครับ เขียน Job description ให้ตัวเองว่าหน้าที่ของคุณคืออะไร อะไรที่คุณจะทำเอง และอะไรที่คุณจะไม่ทำแน่ ๆ และหาพนักงานคนที่เหมาะสมมารับส่วนนั้นไปทำทั้งหมดโดยคุณจะเป็น Mentor และคอย Monitor อยู่ห่าง ๆ
เมื่อคุณเขียน Job description ให้ตัวเองเสร็จแล้ว ต่อไปคุณก็เขียน Job description ให้พนักงานคนนั้นอย่างละเอียดเช่นกัน และเฟ้นหาคนที่เหมาะสมที่สุดเข้ามาทำงานกับคุณ หากเป็นไปได้ อย่าได้มีการ อ่อนข้อ หรือ อลุ่มอล่วย ต่อ Qualification ของพนักงาน เพราะธุรกิจขนาดเล็กที่กำลังเติบโต คุณต้องการคนเก่งเท่านั้น คุณไม่มีเวลาสอนงานใครมากนัก เมื่อเข้ามาแล้วเขาต้องเก่งเท่ากับหรือเก่งกว่าคุณจะดีมาก!
2. เอาลูกค้าเป็นตัวตั้ง และหาคนที่น่าจะเข้ากับลูกค้าของคุณได้
พนักงาน คือตัวแทนของแบรนด์คุณ ก่อนเลือกพนักงาน ให้ทบทวนกลุ่มลูกค้าของคุณว่าเป็นคนแบบไหน มีพฤติกรรมการสื่อสารประมาณไหน อารมณ์ในการพูดคุยเป็นอย่างไร เพราะพนักงานคนแรกของคุณจะต้องเข้ามาช่วยรับหน้ากับกลุ่มลูกค้าเหล่านี้โดยตรงต่อจากคุณ
จงคัดกรองและเลือกพนักงานที่มีจริตตรงกับกลุ่มลูกค้า อาทิ กลุ่มลูกค้าเป็นวัยรุ่น ย่อมต้องการพนักงานที่เข้ากับวัยรุ่นและพูดจาภาษาเดียวกันได้ แต่หากลูกค้าเป็นคนมีอายุ ชอบเล่าชอบคุยเรื่องเก่า ๆ คุณต้องการพนักงานที่เข้าใจและชอบฟังหรือคุยกับคนสูงอายุนาน ๆ ได้
หากเลือกพนักงานที่ขัดกับจริตของธุรกิจคุณ เขาจะไม่สนุก และลูกค้าก็จะได้รับประสบการณ์ที่ไม่ดีกลับไป สุดท้ายส่งผลกระทบกลับมาถึงธุรกิจของคุณโดยรวม
ดังนั้น อย่าละเลยปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างลูกค้าและพนักงาน เพราะในฐานะผู้นำทางธุรกิจ สิ่งที่มีค่าที่สุดคือ ชื่อเสียง คุณต้องอาศัยชื่อเสียงที่มาจากฐานลูกค้า ถ้าธุรกิจของคุณมีคุณภาพ จะช่วยเพิ่มคำบอกเล่าจากปากต่อปาก และสร้างความภักดีในแบรนด์ ทำให้คุณมีโอกาสเติบโตได้มากขึ้น แต่ถ้าลูกค้ามีความคิดด้านลบก็จะสร้างผลกระทบต่อแบรนด์ในด้านลบและเป็นอุปสรรคใหญ่ในการทำธุรกิจ
3. หาพนักงานไฟแรงที่พร้อมจะลุยกับธุรกิจขนาดเล็กที่เคลื่อนที่เร็ว
ตัวขับเคลื่อนสำคัญของการเติบโตทางธุรกิจคือ ความรวดเร็วของการทำงาน คุณต้องเข้าถึงตลาดได้รวดเร็ว การบริการทุกอย่างก็ต้องรวดเร็ว คุณควรส่งสินค้าหรือบริการให้ถึงมือลูกค้าอย่างมีคุณภาพ และให้ลูกค้าได้มีโอกาสเสนอ Feedback กลับมา จากนั้นนำความคิดเห็นมาพัฒนาต่อไป โดยเฉพาะปัญหาที่ลูกค้าแจ้งไว้ คุณควรพิจารณาและแก้ไขโดยเร็ว และให้ความสำคัญกับทุกข้อผิดพลาด เพราะทุกปัญหาไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ก็ส่งผลต่อการทำธุรกิจ และควรจัดเรื่องนี้ไว้เป็นอันดับต้น ๆ ในการทำงานเพื่อเป็นตัวกระตุ้นให้พนักงานทำงานให้ดีขึ้น
ด้านตัวพนักงานเองก็ควรค้นหาว่าอะไรคืออุปสรรคที่ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง เพื่อปรับปรุงตัวเองให้สามารถทำงานท่ามกลางอุปสรรคเหล่านั้นได้รวดเร็วขึ้น ซึ่งพนักงานบางส่วนอาจไม่ค่อยชอบการทำงานลักษณะนี้ คุณจึงควรพิจารณาดี ๆ ว่าพนักงานใหม่มีความคิดเห็นอย่างไรกับรูปแบบการทำงานลักษณะนี้ เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียต่อองค์กรในภายหลัง
การจ้างงาน เป็นก้าวแรกที่สำคัญต่อการเติบโตขององค์กร แต่ก็มีหลายบริษัทพลาดตกหลุมในบทบาทนี้ตั้งแต่แรก คุณควรใช้เวลาคิดและวางแผนให้ดีว่าอยากให้พนักงานสะท้อนธุรกิจของคุณแบบไหน และมุ่งมั่นหาทีมงานคุณภาพ เพื่อจะช่วยรักษาสมดุลทุกด้านขององค์กรและสร้างความมั่นใจว่าคุณสร้างบริษัทมาเพื่อการลงทุนระยะยาว