fighting

จับตาสงครามครั้งใหม่ระหว่าง Google และ Amazon แลกกันหมัดต่อหมัด

การต่อสู้แข่งขันกันทางเทคโนโลยีมีมาช้านานแล้ว ไม่ว่าจะเป็น IBM กับ Apple หรือ Mac กับ Windows หรือ iPhone กับ Android และในอนาคตนับจากนี้เป็นต้นไปสงครามครั้งใหม่กำลังจะเกิดขึ้น และคู่ปรับที่จะมาทำศึกในครั้งนี้คือ Google และ Amazon เมื่อทุกการเคลื่อนไหวมีผลทำให้รายได้ของอีกฝ่ายลดลง ยิ่งฝ่ายหนึ่งพัฒนา อีกฝ่ายก็ยิ่งจะต้องพัฒนาให้มากขึ้น นี่คือสงครามที่จะนำไปสู่การก้าวกระโดดของเทคโนโลยีที่น่าจับตามองที่สุดในทศวรรษนี้

เริ่มต้นด้วย Google ได้แถลงเปิดตัว สมาร์ทโฟน Pixel 2 ซึ่งได้รวบรวมเอา Ai อย่าง Google Assitant ปัญญาประดิษฐ์ที่รับคำสั่งงานด้วยเสียง มารวมอยู่ในสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ที่ได้มีการพัฒนาให้สามารถทำงานได้หลากหลายยิ่งขึ้น ซึ่งมีคู่แข่งอย่าง Siri ใน iPhone

นอกจากนี้ในปีที่ผ่านมา Google ได้เปิดตัว ลำโพงอัจฉริยะ หรือ Smart speaker ที่มาพร้อมกับ Google Assistant  ด้วยเช่นกัน ซึ่งความสามารถนี้ไปคล้ายกับ Alexa Echo ของ Amazon และแม้กระทั่งโน๊ตบุ๊คราคาประหยัดของ Google ก็ยังสามารถใช้ความสามารถของ Ai ตัวนี้ได้

กำแพงของ Amazon

Amazon ที่กำเนิดมาจากร้านขายหนังสือออนไลน์ จนกลายเป็นขายทุกอย่าง และปัจจุบัน ไม่ได้จำกัดเพียงแค่ E-Commerce อีกต่อไปแล้ว ตอนนี้ Amazon ได้สร้างระบบนิเวศของตนเองขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว และทุกสิ่งที่อย่างกำลังเกื้อหนุนกันเอง จนผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องออกไปหาอะไรมาเพิ่มเติมจากข้างนอกอีก และสิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นกำแพงขนาดมหึมาที่คู่แข่งไม่สามารถจะข้ามไปได้

เริ่มด้วยเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซขนาดใหญ่ที่สุดของโลกอย่าง Amazon.com ต่อมาก็มีธุรกิจ AWS (Amazon Web Service) บริการพื้นที่ให้เช่าบนระบบคลาวด์ มี Amazon Prime ที่มีซีรีส์ ภาพยนตร์ หรือแม้แต่เพลงให้ผู้ใช้เลือกซื้อหรือเช่าได้ ซึ่งมีทั้งที่ร่วมกับพาร์ทเนอร์และผลิตเนื้อหาเอง และ Amazon ผลิตอุปกรณ์ของตัวเอง ไล่ตั้งแต่ Kindle ที่ใช้อ่านหนังสือ E-book และล่าสุดคือ Alexa Echo และ Alexa Echo Show

แล้ว Amazon ทำอะไรกับระบบนิเวศของตัวเอง เริ่มต้นด้วย Alexa Echo Show ลำโพงอัจฉริยะ ที่มาพร้อมจอภาพขนาดกะทัดรัด และ Alexa ผู้ช่วยอัจฉริยะที่รับคำสั่งงานด้วยเสียง โดย Amazon ได้ควบคุมการค้นหาโดย Alexa ไม่ต้องพึ่งพาการค้นหาจาก Google ทุกครั้งที่ผู้ใช้ค้นหาสินค้าหรือเพลง จะดึงข้อมูลจาก Amazon store และสามารถเลือกซื้อได้เลยเพื่อให้ทุกการค้นหาเพิ่มรายได้ให้กับ Amazon (ไม่ใช่เพิ่มรายได้ให้ Google) ซึ่งจะมีผลให้คนใช้ Google ลดน้อยลง และจะมีคนโยกงบประมาณโฆษณาออกจาก Google อย่างแน่นอน นอกจากนี้ Amazon ยังได้พัฒนา Android เป็นเวอร์ชั่นของตนเองอีกด้วย เพื่อให้ใช้กับฮาร์ดแวร์ของ Amazon เท่านั้น ในอุปกรณ์ประเภท Chrome cast ที่ Amazon ผลิตขึ้นเองชื่อว่า Fire TV ซึ่งจะไม่เชื่อมต่อกับ Google Play Store นั่นก็จะยิ่งทำให้ Google เสียรายได้มากขึ้นไปอีก

การตอบโต้กลับของ Google

หมัดสวนกลับของ Google คือ การดึง Youtube ออกจาก Alexa Echo Show โดยผู้ใช้จะไม่สามารถค้นหาหรือรับชมคลิปทั้งหมดของ Youtube บนอุปกรณ์ชิ้นนี้ของ Amazon ได้ และหมัดที่ 2 คือ Google ไปจับมือกับ Walmart เพื่อเสนอสินค้าจาก Walmart ในผลการค้นหาแทนสินค้าจาก Amazon เรียกว่า บล็อกมาก็บล็อกกลับ ไม่โกง แต่ด้วยความที่ Google และ Walmart เป็นเพียงพาร์ทเนอร์ที่จับมือกัน ก็จะไม่เหมือน Amazon ที่เสนอขายสินค้าจากเว็บไซต์ของตัวเอง ซึ่งต่อให้ขายของได้ Google ก็ไม่ได้มีรายได้เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด ทำได้แค่กีดกันหรือตัดรายได้ของ Amazon เท่านั้น ในขณะที่ Amazon จะมีรายได้เพิ่มขึ้นและทำให้ Google ขาดรายได้ไปด้วย

ศึกครั้งนี้ความได้เปรียบมาอยู่ที่ Amazon จากระบบนิเวศที่สร้างขึ้นมาเอง ซึ่ง Google ไม่มีและยิ่ง Amazon เติบโตเท่าไหร่ รายได้ของ Google ก็จะยิ่งหดเล็กลงมากเท่านั้น แต่ไม่ว่าใครจะชนะการแข่งขันครั้งนี้ก็ทำให้เทคโนโลยีพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว และผู้ที่จะได้ประโยชน์มากที่สุดก็จะเป็นผู้บริโภคอย่างเรา ๆ นี่เอง


และหากคุณชอบใน Content ที่ทาง CEO Blog ได้นำเสนอ ในเร็ว ๆ นี้ ทาง CEO Blog ของเรานั้น กำลังจะมีโปรเจค CEO Premium Content ซึ่งเป็น Content ด้านการค้าปลีกออนไลน์ แบบพรีเมี่ยม ที่หาอ่านไม่ได้บน Blog ปกติของ CEO Blog โดยจะเปิดรับสมัครสมาชิกพรีเมี่ยมในเร็ว ๆ นี้

หากคุณไม่อยากพลาด Content ระดับ Premium สามารถลงทะเบียนเพื่อรับแจ้งข่าวสารได้ที่นี่ก่อนใครเลยครับ รับรองได้เลยว่ามันเป็น Content ระดับพรีเมี่ยมในราคาที่คุ้มสุด ๆ อย่างแน่นอน >>> ลงทะเบียนรับข่าวสารที่นี่ก่อนใครceo premium content

Resources: