Google เว็บไซต์ผู้ให้บริการ Search engine อันดับ 1 ของโลก ผลิตภัณฑ์ของ Google กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็น Google search, Google map, Gmail และที่ขาดไม่ได้ คือ Youtube – และที่สำคัญ คำว่า Google กลายเป็นคำทรงพลังจนกลายเป็นคำศัพท์ที่ได้รับการบรรจุลงในพจนานุกรมและคำฮืตติดปาก “…อยากรู้เรื่องอะไรให้ Google it!…”
เมื่อเดือน กันยายน 2019 ที่ผ่านมา ครบรอบ 21 ปีเต็มการถือกำเนิดของ Google – เราจะไปไล่ Timeline โดยสังเขปว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในช่วง 21 ปีที่ผ่านมา
จุดเริ่มต้น
Google ก่อตั้งและเปิดตัวในเดือน กันยายน 1998 โดย 2 นักศึกษาปริญญาเอกด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ ชื่อ Sergey Brin และ Larry Page ซึ่งทั้งสองมีแนวคิดที่จะพัฒนาระบบ Search engine ที่จะรวบรวมฐานข้อมูลที่กระจายอยู่บนอินเตอร์เน็ตจำนวนมหาศาลให้เป็นระบบระเบียบและเข้าถึงง่าย
Google นั้นเดิมที่ถูกตั้งชื่อว่า Googol ซึ่งเป็นคำศัพท์คณิตศาสตร์ว่าด้วยเลขยกกำลัง – Larry Page ให้เพื่อนที่ชื่อ Sean Anderson ช่วยค้นหาและทำการจดโดเมนเนม Googol แต่เพื่อนของเขาดันสะกดผิดเป็น Google และ Page ก็ดันชอบชื่อนี้ จึงตัดสินใจใช้คำว่า Google ตั้งแต่นั้นมา
กิจการในโรงรถ
Google เป็นหนึ่งในตัวอย่างของ สตาร์ทอัพแท้ ๆ คือ ต้นทุนน้อยมาก และต้องประหยัดทุกอย่าง ทีมงานหลัก คือ กลุ่มผู้ร่วมก่อตั้งช่วยกันทำงาน Google ก่อตั้งและทำงานกันในโรงรถแคบ ๆ
พวกเขาใช้โรงรถเป็นที่ทำงานเป็นเวลา 1 ปี ก่อนที่จะย้ายมาเช่าสำนักงานเป็นเรื่องเป็นราว ณ Palo Alto, California ในปี 1999 และย้ายไป Mountain View, California ในปี 2004 เป็นสำนักงานใหญ่สวยงามตั้งชื่อว่า Googleplex
รายได้ก้อนแรก
Google มีรายได้ก้อนแรกในปี 1999 จำนวน 220,000 ดอลลาร์ และในปี 2003 มีรายได้ 1,000 ล้านดอลลาร์ จนถูกขนานนามว่า บริษัทเทคโนโลยีที่โตเร็วที่สุดในอเมริกาเหนือ โดยการโหวตของ Deloitte’s 2004 Technology Fast 500 ranking
ขยายกิจการแบบก้าวกระโดด
สองผู้ร่วมก่อตั้ง Google ตัดสินใจจ้าง ซีอีโอ ประจำบริษัทมาช่วยขยายกิจการ โดยซีอีโอคนแรก คือ Eric Schmidt ปฏิบัติหน้าที่ระหว่างปี 2001 – 2011 และสร้างการเติบโตให้ Google อย่างมาก
ปี 2003 Google เปิดตัว Google AdSense โปรแกรม Display advertising network ที่เปิดให้ Advertiser มาซื้อโฆษณาผ่าน Google Ad และ Publisher สามารถนำโค้ดโฆษณาไปติดตั้งใน เว็บไซต์ หรือ Blog เพื่อสร้างรายได้จากโฆษณาอัตโนมัติ ปัจจุบัน Google มีสัดส่วนรายได้จาก ธุรกิจโฆษณา ถึง 85%
ปี 2003 Google ซื้อเว็บไซต์และดาต้าเบสของ Blogger.com ในราคาที่ไม่ได้รับการเปิดเผย โดย Blogger.com เป็นเว็บไซต์ประเภท User generated content ที่ให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างและเขียน Blog ของตนเองได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องรู้เรื่องโค้ดดิง – Google เข้าซื้อและใช้เป็นรากฐานสำคัญในการขยายเครือข่าย Google AdSense
ปี 2004 Google ทำการ IPO เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ระดมทุนกว่า 1.67 พันล้านดอลลาร์ ณ ราคา 85 ดอลลาร์ ต่อหุ้น Google เป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีที่ IPO มูลค่าสูงอันดับต้น ๆ ในประวัติศาสตร์
ปี 2005 Google ซื้อระบบปฏิบัติการสมาร์ทโฟน Android ในราคาที่ไม่ได้รับการเปิดเผย มีเพียงเสียงล่ำลือในอินเตอร์เน็ตว่ามูลค่าดีลประมาณ 50 ล้านดอลลาร์
ปี 2006 Google ซื้อ Youtube.com เว็บไซต์ User generated content ประเภทวีดีโอในราคา 1.65 ล้านดอลลาร์ เพื่อขยายเครือข่าย Google AdSense เข้าสู่ Youtube
ปี 2007 ซื้อ DoubleClick บริษัทผู้นำด้านเทคโนโลยี Display ad network ในราคา 3.1 พันล้านดอลลาร์ เพื่อนำทรัพยากรมาพัฒนาระบบโฆษณาออนไลน์ของ Google
ปี 2008 Google เปิดตัวอินเตอร์เน็ตบราวส์เซอร์ ชื่อว่า Chrome และได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วจนกระทั่งในปี 2017 – Chrome ครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ของโลกที่ 44.5% รองลงมา คือ Safari ณ 25.4% ส่วนที่เหลือเป็นของ Mozilla Firefox และ Internet Explorer
ปี 2011 ซื้อ Motorola Mobility ด้วยเงินสดจำนวน 12.5 พันล้านดอลลาร์ พร้อมสิทธิบัตรเทคโนโลยีกว่า 20,000 ฉบับ เพื่อเป็นฐานในการวิจัยและพัฒนาธุรกิจสมาร์ทโฟน และแอพพลิเคชันที่เกี่ยวข้อง ก่อนจะขายกิจการให้กับ Lenovo ในราคาเพียง 2.91 พันล้านดอลลาร์ – อาจจะดูเป็นดีลที่ขาดทุน แต่นักวิเคราะห์บางกุล่มเชื่อว่า Google ลงทุนซื้อทางลัดสู่การครอบครองทรัพยากรที่ต้องการ และเมื่อได้แล้วก็ขาย Motorola Mobility ถูก ๆ เพื่อขายทิ้งนั่นเอง
ปี 2013 ซื้อ Waze เทคสตาร์ทอัพสัญชาติอิสราเอล ผู้เชี่ยวชาญการสะสมฐานข้อมูลและพฤติกรรมผู้ใช้งานในโซเชียลเน็ตเวิร์ค ในราคา 1.1 พันล้านดอลลาร์ เพื่อนำไปใช้คำนวณข้อมูลระยะทางและเวลาในการเดินทางต่าง ๆ ให้กับผู้ใช้งาน Google Maps
ปี 2014 ซื้อ Nest ผู้เชี่ยวชาญด้านอุปกรณ์ สมาร์ทโฮม ในราคา 3.2 พันล้านดอลลาร์ เพื่อนำทรัพยากรของ Nest ไปพัฒนาธุรกิจกลุ่ม Google สมาร์ทโฮม ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ภายในบ้านที่สั่งการด้วยเสียง
ปี 2016 เปิดตัวผลิตภัณฑ์ Pixel Phone สมาร์ทโฟนโดย Google
เหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ จากกว่า 200 บริษัทที่ Google เข้าซื้อตลอด 2 ทศวรรษที่ผ่านมา และแตกแขนงออกไปในหลาย ๆ ธุรกิจ รวมไปถึงธุรกิจ AI และ Self-driving car เป็นต้น โดยปัจจุบัน Google ซื้อกิจการใหม่ ๆ เฉลี่ย 2 บริษัทต่อเดือน!
ปรับโครงสร้างบริษัทครั้งใหญ่
Google มีกิจการในมือจำนวนมาก และผลตภัณฑ์ที่หลากหลายจึงตัดสินใจปรับโครงสร้างครั้งใหญ่โดยการก่อตั้งบริษัทแม่ที่มีชื่อว่า Alphabet ที่แปลกว่า ตัวอักษร อันเปรียบเสมือนการมี ธุรกิจ สินค้า และบริการที่ครอบคลุมตั้งแต่ A – Z และให้ Google กลายมาเป็น บริษัทลูก ของ Alphabet อีกที
การปรับโครงสร้างเริ่มต้นในปี 2015 และแล้วเสร็จในปี 2018 Sundar Pichai อดีตประธานอาวุโสฝ่ายผลิตภัณฑ์ Google ได้รับการปรับตำแหน่งขึ้นเป็น CEO ของ Alaphabet
การปรับโครงสร้างส่งผลให้ราคาหุ้นของ Google ปรับตัวสูงขึ้น 85% และการบริหารงานแบบใหม่ช่วยให้รายได้ของ Alphabet เติบโต 50% ต่อปีเป็นระยะเวลาหนึ่ง ๆ
ปัญหาเรื่อง Privacy
เป็นธรรมดาของบริษัทมหาอำนาจด้านข้อมูลอย่าง Facebook, และ Amazon มักถูกเพ่งเล็งจากสังคมและรัฐเกี่ยวกับการรักษาความลับ การปกป้อง และการใช้ข้อมูลอย่างถูกต้อง – Google ก็เช่นกัน
Google รับรู้ถึงความกังวลที่สังคมและรัฐมีต่อการบริหารจัดการข้อมูลผู้ใช้งานมหาศาลในระบบของ Google และบริษัทในเครือ Alphabet ทั้งหมด และ Google ก็ได้พัฒนาและฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยของข้อมูลออกมาในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีความเสี่ยง อาทิ Maps, YouTube และ Voice Assistant services
ได้แก่ incognito mode สำหรับ Maps, ตัวช่วยเตือนการตั้งชื่อและเปลี่ยนรหัส และ ฟีเจอร์การลบข้อความด้วยเสียง สำหรับ Voice assistant เป็นต้น
Google 2 ทศวรรษ ราคาหุ้นโต 1400%
ลงทุนกับ Google ตั้งแต่วัน IPO วันนี้คุณจะได้รับผลตอบแทนเท่าไร? Google ทำการ IPO สู่ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก วันที่ 19 สิงหาคม 2004 ณ ราคา 85 ดอลลาร์ ต่อหุ้น และหากคุณโชคดีได้ซื้อหุ้นไว้ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ณ วันนี้คุณจะได้รับผลตอบแทนถึง 1400%
ราคาหุ้น Google ณ สิงหาคม 2004 ที่ 85 ดอลลาร์ต่อหุ้น ได้เติบโตสู่ราคาประมาณ 1,300 ดอลลาร์ต่อหุ้น ณ เดือน พฤศจิกายน 2019 หรือ เติบโตประมาณ 1400%
เงินลงทุน 1,000 ดอลล่าร์ หรือ 30,000 บาท จะกลายเป็น 15,294 ดอลลาร์ หรือ 458,820 บาท เพียงแค่ถือมันไว้เฉย ๆ เป็นเวลา 15 ปี — แต่ถ้าคุณลงทุน 1 ล้านบาทถ้วน วันนี้คุณจะมีความมั่งคั่งถึง 15 ล้านบาท!
แต่หากคุณเป็นมือใหม่และงบน้อย อยากจะลงทุนกับหุุ้น Google ควรทำอย่างไร? Warren Buffet นักลงทุนเบอร์ 1 ของโลกให้คำแนะนำว่า ควรเริ่มจากการศึกษาและลงทุนกับกองทุนที่เกี่ยวข้องกับกิจการที่คุณสนใจ และควรลงทุนกับหุ้นหรือกองทุนที่ถือครองธุรกิจที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาว
—–
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
https ://www.cnbc.com/2019/10/08/what-a-1000-dollar-investment-in-google-would-be-worth-after-10-years.html
https ://www.cnbc.com/2018/09/27/google-virtual-tour-of-larry-page-sergey-brins-1998-garage-office.html
https ://www.cnbc.com/2019/08/19/googles-best-and-worst-acquisitions-are-in-the-spotlight-15-years-later.html