ประวัติ Bob Parsons เจ้าของ GoDaddy ธุรกิจเสือนอนกินแห่งโลกออนไลน์ตัวจริง


เจ้าของธุรกิจ และคนทำอาชีพเกี่ยวกับเว็บไซต์แทบทุกคนรู้จัก GoDaddy ในฐานะของเว็บ นายหน้ารับจดและบริหารโดเมนเนมของเว็บไซต์ ที่ดูแลโดเมนเนมมากกว่า 77 ล้านโดเมน และครองส่วนแบ่งตลาดทั่วโลกถึง 21% — ปัจจุบัน GoDaddy มีรายได้คิดเป็นเงินไทยหลายหมื่นล้านบาท จากโมเดลธุรกิจที่แทบจะเป็นเสือนอนกิน เรื่องราวเป็นอย่างไร CEO Channels จะเล่าให้ฟัง

จุดเริ่มต้น

เจ้าของเว็บไซต์ GoDaddy ชื่อ Bob Parsons เกิดวันที่ 27 พฤศจิกายน 1950 พ่อเป็นเซลส์แมน แม่เป็นแม่บ้านรับจ้าง และทั้งสองติดการพนัน ในขณะที่ Bob Parsons เป็นคนขยันและทะเยอทะยานมาก

เขาทำงานรับจ้างสารพัดชนิดตั้งแต่เด็ก ก่อนที่จะเข้ารับราชการทหารในช่วงวัยรุ่นเป็นระยะเวลาสั้น ๆ และมีโอกาสปฏิบัติภารกิจในเวียดนามซึ่งเขาได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้และต้องออกจากภารกิจมารักษาตัว

Bob Parsons ศึกษาจบด้านบัญชีในปี 1975 และทำงานด้านการขายสินค้าซอฟต์แวร์ เขาเก็บเงินได้มากพอที่จะเปิดบริษัทของตัวเองในปี 1984

เขาเปิดบริษัทชื่อ Parsons Technology โดยมีสินค้าเป็นโปรแกรมบัญชียี่ห้อ Money Counts ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมากจนเขาสามารถ ขายกิจการในราคาประมาณ 64 – 65 ล้านดอลล่าร์ เมื่อปี 1994



จุดกำเนิด GoDaddy

หลังจาก Bob Parsons ขายบริษัท Parsons Technology — เขาก็พักผ่อนเป็นเวลาถึง 3 ปี และกลับมาเริ่มทำธุรกิจใหม่ในปี 1997

เขายังคงเลือกที่จะทำธุรกิจด้าน อินเตอร์เน็ต และ ซอฟต์แวร์ โดยครั้งนี้เขาเลือกธุรกิจนายหน้ารับซื้อขายและจดทะเบียนโดเมนเนม — Bob และทีมงานช่วยกันคิดชื่อ และชื่อที่คิดได้ คือ Big Daddy แต่ปรากฏว่ามีคนจดไปแล้ว เขาจึงเสนอชื่อ Go Daddy

เมื่อทีมงานนำไปค้นหาและพบว่ายังว่างอยู่ Bob จึงบอกว่า จดเลย! และได้ทำการเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่จาก Jomax Technologies ไปเป็น Go Daddy Inc ตั้งแต่ปี 1997 เป็นต้นมา

GoDaddy ประสบความสำเร็จได้อย่างไร

ต้องบอกว่าความสำเร็จของ GoDaddy ส่วนหนึ่งมาจากการเริ่มต้นในยุคที่ อินเตอร์เน็ต ยังถือว่าเป็นเรื่องค่อนข้างใหม่ ทำให้คู่แข่งที่ให้ธุรกิจ Domain registrar หรือ ธุรกิจให้บริการซื่อขายและดูแลโดเมนยังมีน้อยมาก

ในสมัยนั้นมีผู้ให้บริการเจ้าตลาดเพียง 2 รายหลัก ได้แก่ NetworkSolutions และ Register ในขณะที่ปัจจุบันมีผู้ให้บริการแบบนี้มากกว่า 900 ราย!

กลยุทธ์ของ GoDaddy นั้นแสนเรียบง่าย ได้แก่ :

1) ซื้อสื่อและโฆษณาออนไลน์หนักมาก ซึ่งปัจจุบันก็ยังทำอยู่ผ่าน Google ad

2) คิดค่าบริการจดโดเมนที่ถูกแสนถูก และปัจจุบันก็ยังถูกอยู่ โดยคุณมีโอกาสหาซื้อโดเมนปีแรกในราคาถูกที่สุดระหว่าง 130 – 160 บาทต่อปี

หมายเหตุ : แต่ ณ ปีที่สองจะปรับเป็นราคาปกติ ซึ่งก็มีหลายก็มีหลายอัตรา เช่น 500 – 1000 บาทสำหรับการต่ออายุในปีถัด ๆ ไป ซึ่ง GoDaddy มีแนวโน้มจะไปทำกำไรจากตรงนั้น

กลยุทธ์เหล่าสามารถทำให้ GoDaddy มีลูกค้าจำนวนมากอย่างรวดเร็วเมื่อ 2 ทศวรรษก่อน กับคู่แข่งที่เพียง 2 – 3 รายในตลาด

GoDaddy ทำเงินอย่างไร

GoDaddy มีโมเดลการทำเงินคล้าย เสือนอนกิน ได้แก่ การเป็นเจ้าของโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับระบบอินเตอร์เน็ตทั้งหมด หลังจากนั้นให้คนมาเช่าใช้ทรัพยากรภายใต้โครงสร้างของตนเอง และได้รับค่าเช่าแบบ Passive ต่อเนื่องทุกปีตลอดไป (หรือจนกว่าผู้เช่าจะยกเลิกบริการ) ได้แก่

  • บริการซื้อขายโดเมน
  • บริการเป็นที่โฮสต์โดเมน
  • บริการโดเมนไพรเวทซี
  • บริการเว็บไซต์โฮสติ้ง
  • บริการพรีเมียมอีเมล์
  • บริการซอฟต์แวร์ไมโครซอฟต์ออฟฟิศ
  • บริการ SSL Certificate (รูปแม่กุญแจตรงเว็บบราวเซอร์)

แม้บริการเหล่านี้จะมีมูลค่าไม่สูง ระหว่างหลักร้อยถึงหลักพันบาทต่อปี แต่ด้วยจำนวนลูกค้าที่มหาศาลถึง 18 ล้านคนทั่วโลก ทำให้ GoDaddy มีรายได้สูงถึงปี 2018 สูงถึง 2,660 ล้านดอลล่าร์ และที่สำคัญ — บริการเหล่านี้ส่วนใหญ่ต้องต่ออายุแบบปีต่อปี ส่งผลให้ GoDaddy ปิดการขายลูกค้าเพียงครั้งเดียว รับ Passive income ตลอดไป (ไปจนกว่าลูกค้าจะยกเลิก)

สถิติน่าสนใจของ GoDaddy

จำนวนเว็บไซต์ ที่ใช้ GoDaddy ณ ปี 2014 = 8.5 ล้านเว็บ หรือสัดส่วน 21% ของเว็บไซต์ทั้งหมด

จำนวนเซิร์ฟเวอร์ ของบริษัท ณ ปี 2014 = 37,000 ชุด

จำนวนโดเมนเนม ที่ดูแล ณ ปี 2019 = 77 ล้านโดเมนเนม

จำนวนลูกค้า

2015 = 13.8 ล้านคน
2016 = 14.7 ล้านคน
2017 = 17.3 ล้านคน
2018 = 18.5 ล้านคน

รายได้

2015 = 1.6 พันล้านดอลล่าร์
2016 = 1.8 พันล้านดอลล่าร์
2017 = 2.2 พันล้านดอลล่าร์
2018 = 2.6 พันล้านดอลล่าร์

กำไรสุทธิ

2015 = (ขาดทุน) 120.4 ล้านดอลล่าร์
2016 = (ขาดทุน) 21.9 ล้านดอลล่าร์
2017 = กำไร 139.8 ล้านดอลล่าร์
2018 = กำไร 82 ล้านดอลล่าร์

นอกจากนั้น GoDaddy ยังได้เข้าซื้อธุรกิจอินเตอร์เน็ตอื่น ๆอีกไม่น้อยกว่า 20 บริษัทเข้ามาอยู่ในพอร์ตบริษัทของตน อาทิ Outright, Lucu NameMedia, SmartName, NameFind, Media Temple, Plasso, Cognate, SellBrite, ManageWP และ WP Curve เป็นต้น ฯลฯ อีกมากมาย

บทความที่เกี่ยวข้อง 

ข้อมูลบริษัท GoDaddy



อ้างอิง

Wikipedia Bob Parsons
Wikipedia GoDaddy
Expandedramblings
Quora