ซีอีโอ FTX เตือนนักลงทุน แอปเทรดคริปโตจ่อล้มละลายเพียบ พร้อมแนะวิธีสังเกต ลักษณะไหนใกล้เจ๊ง

Sam Bankman-Fried ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอกระดานเทรด FTX และบุคคลมั่งคั่งอันดับ 2 ของวงการคริปโตเคอร์เรนซี่ รองจาก Cz-Binance; เผยผ่าน Forbes เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 2022 ว่า ตอนนี้มีกิจการ ‘แพลทฟอร์ม/แอป’ เทรด-ซื้อขายแลกเปลี่ยน-ฝากกินดอก-กู้ยืมคริปโต บางรายล้มละลายอย่างเงียบ ๆ ไปแล้ว




กองทุน Three Arrows Capital ล้มละลายในวันถัดมา

หลังบทสัมภาษณ์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไปเพียง 1 วัน …วันที่ 29 มิ.ย. ได้มีข่าว กองทุน Three Arrows Capital (3AC) ได้รับคำสั่งศาลแห่ง British Virgin Island ตัดสินให้หยุดดำเนินกิจการ และบังคับขายทรัพย์สินเพื่อชำระหนี้

จึงอาจเป็นไปได้ว่า Sam Bankman อาจรู้ว่า กิจการแพลทฟอร์มเทรดคริปโต รายใดที่ล้มละลายไปแล้วแต่ยังไม่เป็นข่าวอีกบ้าง โดยก่อนหน้านี้ เขาก็ได้ให้เงินกู้ยืม แก่ Three Arrows Capital และ BlockFi รวม 750 ล้านดอลล่าร์ อีกด้วย

กิจการคริปโตน้อยใหญ่ เสี่ยงล้มยังมีอีกเพียบ

Sam Bankman เผยต่อไปว่า ยังมีอีกหลายกิจการแนว แพลทฟอร์ม/แอปพลิเคชัน เทรดคริปโต ที่กำลังประสบปัญหาหนักแบบกู่ไม่กลับ และมีความเสี่ยงสูงที่จะล้มละลายและหยุดดำเนินกิจการต่อไป แม้เขาจะไม่ได้เปิดเผยชื่อออกมาโดยตรง แต่เขาได้บอกคุณลักษณะของแพลทฟอร์มเทรดคริปโต ที่มีความเสี่ยงสูง

ได้แก่ เป็นแพลทฟอร์ม/แอปพลิเคชัน เทรดคริปโตที่มีการเสนอผลตอบแทนจากการฝากคริปโตจำนวนสูง ๆ โดยเฉพาะพวกที่เสนอผลตอบแทนเกินหลัก 10% ขึ้นไปต่อปี และแม้แต่นำเสนอสูงถึง 90% ต่อปี ก็เคยมี อาทิ FinBlox

วิธีสังเกต กระบวนการสู่ความพังที่คล้ายกัน

ในช่วงที่ตลาดคริปโตกำลังสดใส ราคาคริปโตมีโอกาสพุ่งสูงขึ้นหลัก 100% – 1000% ภายใน 1 ปี ดึงดูดผู้ประกอบการหน้าใหม่เข้ามาสู่กิจการลักษณะดังกล่าว และกลยุทธ์ในการช่วงชิงลูกค้าก็มักมาจากการเสนอผลตอบแทนสูง ๆ เพื่อดึงดูดให้คนนำคริปโตมาฝากกับแพลทฟอร์มของพวกเขา

หนทางที่แพลทฟอร์มเหล่านี้จะให้ดอกเบี้ยตอบแทนจำนวนมาก ๆ ย่อมหนีไม่พ้นการลงทุนในตลาดคริปโต ที่มีความเสี่ยงและความผันผวนสูงเป็นทุนเดิม

ประกอบกับ การนำคริปโตของลูกค้าไปค้ำประกันผ่านแพลทฟอร์มกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ และแลก Stablecoin นำไปลงทุนเพิ่มในช่วงตลาดกระทิง แต่เมื่อตลาดคริปโตกลับตัวเป็นขาลง ซึ่งมักจะลงอย่างรวดเร็วและรุนแรง ส่งผลให้แพลทฟอร์มรับมือไม่ทันและขาดทุนอย่างหนัก

สิ่งที่ตามมา คือ

แพลทฟอร์มเหล่านั้นโดนเรียก Margin call ให้นำสินทรัพย์ไปวางเป็นหลักประกันเงินกู้เดิม แต่เมื่อนำสินทรัพย์ไปวางหลักประกันไม่ทัน ผลที่ตามมา คือ พอร์ตเงินกู้ถูก Liquidate

และการ Liquidate จะยิ่งรุนแรงหากแพลทฟอร์มนั้น ๆ กู้เงินเกินตัวจากเจ้าหนี้หลายรายพร้อมกัน ส่งผลให้กิจการของพวกเขาถูก Liquidate เป็นโดมิโนล้มจนหมดสภาพที่จะดำเนินกิจการต่อ

นี้คือกระบวนนำการสู่ความพังพินาศที่กองทุน Three Arrows Capital เพิ่งประสบมา และพฤติกรรมเช่นนี้เป็นกับหลายแพลทฟอร์มเทรดคริปโต ที่ถือสินทรัพย์ดิจิทัลจำนวนมากของลูกค้าอยู่ในมือ

แพลทฟอร์มที่กำลังถูกจับตามอง

ซึ่ง ณ เวลานี้แพลทฟอร์มหลัก ๆ ที่กำลังถูกจับตามองเป็นพิเศษ อาทิ

  • CelciusNetwork สถานะ ปิดการฝากถอนตั้งแต่วันที่ 13 มิ.ย. 2022 และปิดแบบไม่มีกำหนด
  • CoinFlex สถานะ ปิดการฝากถอน กำหนดเปิด 23 มิ.ย. แต่ล่าสุดวันนี้ประกาศปิดต่อไป
  • FinBlox สถานะ จำกัดการถอนวันละ 500 ดอลล่าร์ และไม่เกิน 1,500 ดอลล่าร์ต่อเดือน

สรุป

ก็อาจเรียกได้ว่า แพลทฟอร์ม/แอปพลิเคชัน ที่มีการเสนอฝากคริปโตดอกเบี้ยสูงและมีการให้กู้ยืมเงินในตัว ล้วนมีความเสี่ยงสูงทั้งสิ้น และสำหรับรายที่เริ่มจะขาดสภาพคล่องจะตามมาด้วยการ จำกัดจำนวนการถอน ไปจนถึงปิดการถอนสินทรัพย์โดยสิ้นเชิง

เมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าของเงินก็สามารถพิจารณาด้วยตนเองว่า จะเลือกลดความเสี่ยงโดยการย้ายคริปโตที่ตนฝากไว้ในแพลทฟอร์มหรือแอปฯ ที่ยังไม่ประกาศปิดการถอน นำกลับมาเก็บไว้ใน Hard wallet ของตนเองก่อนดีหรือไม่

คุณอาจสนใจ

ข้อมูลอ้างอิง

https://www.crypto-news-flash.com/ftx-ceo-sam-bankman-fried-warns-that-some-crypto-exchanges-are-insolvent-already-and-more-will-follow

https://www.forbes.com/sites/stevenehrlich/2022/06/28/bankman-fried-some-crypto-exchanges-already-secretly-insolvent/?sh=3c8c118247f7