เว็บไซต์ CNN รายงานเมื่อวันที่ 27 กรกฏาคม 2017 ว่า Foxconn ประกาศลงทุนมูลค่า 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อสร้างฐานการผลิตสินค้าในประเทศอเมริกา พุ่งเป้าใช้หุ่นยนต์ทำงานแทนคนให้มากที่สุด
Foxconn โรงงานผลิตสินค้าอิเลคทรอนิกส์ อาทิ Amazon Kindle, Playstation, Xbox 360, Wii รวมไปถึงเป็นหนึ่งในผู้ผลิต iPad และ iPhone รายใหญ่ให้แก่ Apple Inc. เตรียมสร้างฐานการผลิตในประเทศของผู้บริโภคโดยตรง ตัดขั้นตอนการจัดส่งระหว่างประเทศ และจะใช้หุ่นยนและระบบ Automation ทำงานแทนคน เล็งพื้นที่ รัฐวิสคอนซิน ประเทศอเมริกา โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 2020
โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทราบข่าวและมีความยินดี โดยกล่าวชื่อชมว่า Foxconn เป็นหนึ่งในบริษัทที่ยิ่งใหญ่ ในขณะที่ เอลิ ฟรีดแมน (Eli Friedman) ผู้เชี่ยวชาญด้านแรงงานระหว่างประเทศแห่งมหาวิทยาลัย Cornell University มองว่าเป็นการสร้างฐานการผลิตนี้จะไม่ได้กระตุ้นกิจกรรมภาคแรงงาน
Foxconn เน้นจ้างหุ่นยนต์
Foxconn มีข่าวเชิงลบในเรื่องแรงงานมากมาย ไม่ว่าปัญหา การล่วงละเมิดทางเพศ ปัญหาสวัสดิการ การใช้แรงงานเด็ก ความปลอดภัยในที่ทำงาน สุขอนามัย รวมไปถึงการฆ่าตัวในสถานประกอบการ ฯลฯ เหล่านี้ทำให้ Foxconn มีชื่อในด้านไม่ดีเรื่องแรงงาน และ Terry Gou ผู้บริหาร Foxconn ก็ได้รับบทเรียนจากปัญหาของการมีแรงงานจำนวนมาก ทำให้เขาถึงกับมีแนวคิดที่จะนำหุ่นยนต์แทนที่คนทั้งหมด (หรือมากที่สุดที่จำเป็นไปได้)
Terry Gou ผู้บริหาร Foxconn ประสบความสำเร็จเบื้องต้นในการใช้หุ่นยนต์ทำงานและสามารถเลิกจ้างมนุษย์ออกจากสายการผลิตไม่น้อยกว่า 60,000 อัตราโดยการแทนที่คนเหล่านั้นด้วยจักรกล หลักการเดียวกันนี้จะถูกนำมาใช้กับโรงงานในสหรัฐอเมริกา โดยการจ้างงานจะมีอยู่ แต่จะเน้นไปที่สายงานที่ต้องใช้ความรู้ และทักษะสูง ๆ มากกว่างานแรงงาน
ที่ผ่านมา Foxconn ลงทุนไปกับการศึกษาและพัฒนาระบบ Robot และ Automation โดยมีเป้าหมายที่จะใช้หุ่นยนต์ทำงานแทนคนเทียบเท่า 1 ล้านอัตรา และรักษาระดับของการจ้างงานมนุษย์ให้อยู่ในอัตราที่ต่ำที่สุดในทุก ๆ โรงงานทั่วทุกมุมโลกที่เข้าไปก่อตั้ง
เอลิ ฟรีดแมน ผู้เชี่ยวชาญด้านแรงงานฯ จึงเล็งเห็นว่าการขยายกิจการของ Foxconn จะไม่ได้นำมาศึกษาความมั่งคั่งของประชาชนในพื้นที่ เพราะมนุษย์ในกลุ่มระดับกลางและล่างที่หาเช้ากินค่ำจะไม่ได้ถูกจ้างงานอยู่ดี
