ถ้าพูดถึงวัน Black Friday ที่ถ้าแปลตรง ๆ เลยคือวันศุกร์ทมิฬ เราจะนึกถึงเจ้าพ่อร้านค้าปลีกออนไลน์อันดับ 1 ของโลก อย่าง Amazon.com แต่แท้จริงแล้ววัน Black Friday เป็นเทศกาลช้อปปิ้งของคนอเมริกัน ที่จัดต่อเนื่องกันมาหลายสิบปีแล้ว ซึ่ง Black Friday นั้น ไม่มีวันที่กำหนดแน่นอน แต่ถูกกำหนดให้อยู่ถัดจากวันขอบคุณพระเจ้าหรือ Thanksgiving Day ซึ่งเป็นวันพฤหัสสุดท้ายของเดือน พฤศจิกายนของทุกปี ดังนั้นวัน Black Friday จึงเป็นวันศุกร์สุดท้ายของเดือน พฤศจิกายนของทุกปี หรือพูดง่าย ๆ คือ ศุกร์สิ้นเดือนนั่นเอง
เนื่องจากช่วงเวลานี้ใกล้ช่วงเทศกาลเฉลิมฉลอง นั่นคือวันคริสต์มาสที่กำลังจะมาถึง ชาวอเมริกันจะเตรียมซื้อของขวัญกันล่วงหน้า ส่งผลให้ช่วงเวลานี้ผู้คนจะจับจ่ายใช้สอยกันเป็นจำนวนมาก และห้างร้านต่าง ๆ ก็จะออกโปรโมชันในช่วงนี้ เพื่อระบายของให้หมดก่อนสิ้นปี ซึ่งเทศกาลช้อปปิ้งนี้ก็มีผลไปถึงอุตสาหกรรมการเงิน ที่ปล่อยสินเชื่อบุคคลเพื่อการช้อปปิ้งกันอย่างสนุกสนาน
ในปีทุก ๆ ปีที่ผ่านมา รวมถึงปีล่าสุดอย่าง 2016 Black Friday เป็นวันที่ผู้คนชาวอเมริกันจะออกมาช้อปปิ้ง แย่งชิงสินค้าลดราคากันอย่างบ้าคลั่ง มีการทะเลาะตบตีกันให้เห็นเป็นประจำทุกปี โดยห้างร้านต่าง ๆ จะเปิดกันตั้งแต่เช้ามืด บางแห่งเปิดตั้งแต่ตี 3
นี่คือปี 2016 ที่ผ่านมา
สินค้าที่แย่งชิงกันส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องครัว หรือ ทีวี LED ที่ลดราคากระหน่ำและมีจำนวนจำกัด
แต่ในปีนี่ Business Insider รายงานว่า ห้างยักษ์ใหญ่อย่าง Walmart และ Best Buy ต่างเงียบเหงา ที่ไม่มีผู้คนเข้ามาซื้อของเลย เงียบยิ่งกว่าวันปกติเสียอีก ทั้ง ๆ ที่ปีก่อนยังมีฝูงชนหนาแน่นมายืนรออยู่หน้าประตูตั้งแต่ตี 3 และเมื่อเปิดประตูห้างก็กรูกันเข้ามาราวกับฝูงซอมบี้ ขนของออกไปราวกับปล้น แต่วันนี้กลับเงียบราวป่าช้าก็ไม่ปาน
หรือ Black Friday ได้ตายไปแล้วอย่างเงียบ ๆ
Brian Sozzi จาก The Street ถ่ายภาพนี้มาและวิเคราะห์ว่า น่าจะเป็นผลมาจากการเปิดตัว iPhone X ด้วยส่วนหนึ่ง
ในขณะที่ ดาราสาวในรายการเรียลลิตี้อย่าง Tamra Judge ก็โพสต์อินสตาแกรมรายงานว่า “ผิดคาดมาก ๆ เลย” “นี่มันเป็นการมาช้อปปิ้งในวัน Black Friday ครั้งแรกของฉัน แล้วฉันก็ตื่นเต้นคิดว่าจะได้ต่อสู้กับฝูงชนซะอีก” “ไหนล่ะฝูงชน?”
มีการคาดการณ์ว่า สาเหตุหนึ่งน่าจะมาจากผู้คนหันไปช้อปปิ้งออนไลน์กันมากกว่า
ห้าง Target ห้างใหญ่อีกแห่งหนึ่งในอเมริกา กล่าวว่า บริษัทได้รับคำสั่งซื้อมากกว่าวันขอบคุณพระเจ้าปีที่แล้ว 3 เท่า(ให้จัดส่งถึงบ้าน) น่าจะเป็นเหตุผลอย่างหนึ่งที่ทำให้ห้างร้างในวัน Black Friday นี้
ในขณะที่ห้าง Best Buy ก็พบกับความว่างเปล่าไม่ต่างกัน
แต่ก็ยังมีห้างบางแห่งที่มีคนมาเข้าแถวรอห้างเปิดอยู่บ้าง แต่ก็ดูน้อยกว่าปีก่อน ๆ มาก
Walmart ร้าง !!!
ห้าง Big Lots ก็ร้าง
และแม้ว่าหลายสำนักจะออกมาคาดการณ์ว่า ยอดขายที่หายไปจากร้านค้าปลีก น่าจะไปอยู่ที่ออนไลน์ แต่จากการสำรวจของ Adobe Analytics กลับพบว่า ยอดการใช้จ่ายออนไลน์ของผู้บริโภค ตั้งแต่เวลา 5 โมงเย็นของวันขอบคุณพระเจ้าจนถึงช่วงบ่ายของวัน Black Friday มียอดเพียง 2.9 พันล้านดอลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วเพียง 18% เท่านั้น
สะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจของอเมริกาในขณะนี้ว่าไม่ใช่สังคมบริโภคนิยมอีกต่อไปแล้ว ผู้บริโภคจะเลือกซื้อเฉพาะสิ่งที่จำเป็นจริง ๆ เท่านั้น และเลือกหนทางที่ประหยัดที่สุด สะดวกที่สุด และยังชี้ให้เห็นแนวโน้มของห้างค้าปลีกแบบออฟไลน์ที่ต้องมีการปรับตัวอย่างเร่งด่วน เนื่องจากในวัน Black Friday ปีนี้ ผู้คนหายไปจำนวนมาก สินค้าที่ขนกันมาเตรียมลดแบบถล่มราคา ก็ไม่มีใครเข้ามาแย่งกันซื้อ ย่อมส่งผลถึงยอดขายและกำไรในปีนี้อย่างแน่นอน
และหากคุณชอบใน Content ที่ทาง CEO Blog ได้นำเสนอ ในเร็ว ๆ นี้ ทาง CEO Blog ของเรานั้น กำลังจะมีโปรเจค CEO Premium Content ซึ่งเป็น Content ด้านการค้าปลีกออนไลน์ แบบพรีเมี่ยม ที่หาอ่านไม่ได้บน Blog ปกติของ CEO Blog โดยจะเปิดรับสมัครสมาชิกพรีเมี่ยมในเร็ว ๆ นี้
หากคุณไม่อยากพลาด Content ระดับ Premium สามารถลงทะเบียนเพื่อรับแจ้งข่าวสารได้ที่นี่ก่อนใครเลยครับ รับรองได้เลยว่ามันเป็น Content ระดับพรีเมี่ยมในราคาที่คุ้มสุด ๆ อย่างแน่นอน >>> ลงทะเบียนรับข่าวสารที่นี่ก่อนใคร
Resource:
