Elon Musk เผยความในใจเป็นข้อความ Twitter สั้น ๆ อีกครั้งว่ากำลังพิจารณานำ Tesla ออกจากตลาดหุ้น พร้อมกับแย้มว่ามีแหล่งเงินทุนพอที่ทำเช่นนั้น หลังจากที่ก่อนหน้านั้นเคยเกริ่นสั้น ๆ กับสื่อ Rolling Stone เมื่อเดือน พฤศจิกายน 2017 ว่า “การมีบริษัทในตลาดหุ้นเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของเรา” (อ้างอิง: CNBC)
Am considering taking Tesla private at $420. Funding secured.
— Elon Musk (@elonmusk) August 7, 2018
นักวิเคราะห์ตั้งข้อสันนิษฐานเหตุผลของ Elon Musk เป็น 2 สาเหตุหลัก ๆ ดังนี้
เพื่อรักษาข้อมูลทางธุรกิจจากคู่แข่ง
การมีบริษัทจัดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต้องเปิดเผยข้อมูลสำคัญต่อสาธารณะอย่างละเอียดทุกไตรมาส และทุกปี ข้อมูลที่ Tesla ต้องเปิดเผยตลอดเวลาที่ผ่านมารวมไปถึง จำนวนหนี้สิน การเปลี่ยนแปลงบุคลากรภายในบริษัท การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างบริหาร จำนวนรถยนต์ที่ผลิต รอส่งมอบ และต้องส่งมอบ รวมไปถึงคดีความต่าง ๆ ที่บริษัทมีในรายการ เหล่านี้ต้องเปิดเผยและคู่แข่งสามารถเข้ามาดูได้โดยง่าย ซึ่งหากเป็นบริษัทจำกัด (Private Company) ข้อมูลเหล่านี้ไม่ต้องคอยรายงานต่อสาธารณะอีกต่อไป
เพื่อรักษาอิสระในการทำงานโดยไม่ถูกกดดันจากนักลงทุนระยะสั้น
Elon Musk เคยกล่าวว่า “puts enormous pressure on Tesla to make decisions that may be right for a given quarter, but not necessarily right for the long-term” — การที่นักลงทุนในตลาดหุ้นคอยกดดันให้ผลลัพธ์ออกมาดีก็ดีแค่ไตรมาสนั้น ๆ แต่ไม่เป็นผลดีต่อการทำงานระยะยาว
หากเขานำบริษัทออกจากตลาดหุ้นก็จะมีอิสระในการทำงานมากขึ้นโดยไม่ต้องมาคอยทำผลลัพธ์ให้เป็นไปตามความคาดหวังของนักลงทุนระยะสั้น
ในขณะที่ Gene Munster, แห่งเว็บไซต์ Loup Ventures แสดงความเห็นต่อ CNBC ทำนองว่า — Elon Musk เป็นคนมุ่งมั่นและมีเป้าหมายใหญ่ที่จะเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้พลังงานของโลกนี้ เจ้าของและบริษัทที่มีภารกิจใหญ่และมองระยะยาวมักถูกฉุดรั้งจากความความกดดันและความคาดหวังของนักลงทุนระยะสั้น
Gene Munster ยกตัวอย่างเหตุการณ์การ แถลงข่าวผลประกอบการประจำไตรมาสบริษัท Tesla เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่สามารถผลักดันการผลิตรถยนต์ Tesla Model 3 สู่เป้าหมาย 5,000 คันต่อสัปดาห์สำเร็จ เป็นไปตามความคาดหวังของสาธารณะ แต่อาจทำให้เป้าหมายที่จะพัฒนารากฐานสำคัญอื่น ๆ เช่น โรงงาน คุณภาพ และการสร้างโลกอนาคตของเขาต้องถูกเบียดบังไป
ราคาหุ้นหลังตลาดทราบข่าวการ Tweet ของ Elon Musk
หุ้น Tesla ปรับตัวขึ้นทันที 8% จากนั้นมีข่าวเศรษฐีซาอุดิอาระเบียสนใจเข้าซื้อหุ้นบริษัท ส่งผลให้ราคาหุ้น Tesla ขึ้นไปปิดบวกถึง 11% หรือกว่า 360 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น ในขณะที่ Elon Musk จะซื้อหุ้นบริษัทคืนจากตลาดในราคา 420 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น
ด้าน Gene Munster มองว่าโอกาสที่จะทำสำเร็จอาจมีเพียง 1 ใน 3 เพราะนักลงทุนในตลาดจำนวนไม่น้อยเป็นกลุ่มลงทุนระยะยาวที่เชื่อมั่นในมูลค่าในอนาคตของบริษัท Tesla และคงไม่ยอมเอาส่วนต่างจากราคาขายที่ 16% อย่างแน่นอน
ปัจจุบัน Elon Musk ถือสัดส่วนหุ้น Tesla ที่ 20% และเขาจะต้องการเงินกว่า 50,000 ล้านเหรียญในการซื้อหุ้นคืนและนำบริษัทออกจากตลาด ตามด้วยภาระหนี้สินอีกกว่า 10,000 ล้านเหรียญ หากเหตุการณนี้เกิดขึ้นจริง มันจะเป็นการซื้อหุ้นคืนครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์นับตั้งแต่เหตุการณ์ TXU บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของรัฐเท็กซัสที่ทำดีลมูลค่า 45,000 ล้านเหรียญ