elon musk spacex

เมื่อ Elon Musk สร้างจรวดที่สามารถพาคุณบินไปที่ใดก็ได้ในโลกภายใน 1 ชั่วโมง

Elon Musk ผู้ก่อตั้ง SpaceX สร้างความตื่นตะลึงให้กับผู้คนทั่วโลกอีกครั้ง ด้วยการต่อยอดครั้งใหม่ที่ไม่มีใครคาดถึง โดยจับเอาจรวดของ SpaceX เตรียมมาให้บริการแทนการบินในเชิงพาณิชย์ เรื่องนี้จะเขย่าวงการสายการบินเป็นอย่างมาก ด้วยความเร็วของจรวดลำนี้ สามารถบินได้เร็ว 27,000 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในขณะที่เครื่องบินโดยสารทั่วไปบินได้เร็วสุดที่ 1,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น ทำให้  กล้าประกาศว่า ไม่ว่าที่ไหนในโลกจะสามารถเดินทางได้ภายในเวลาไม่เกิน 60 นาที

โดยจรวดลำนี้สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้สูงสุด 100 คน และ Elon Musk พยายามจะทำให้ค่าโดยสารไม่แพงเกินกว่าการนั่งเครื่องบินชั้นประหยัด (economy class)

เราไปดูคลิปตัวอย่างกันเลย (*หมายเหตุ ที่จะได้เห็นในคลิปนี้เป็น CG เท่านั้น)

โดยรหัสของโครงการนี้มีชื่อย่อว่า BFR ซึ่ง Elon Musk ยังไม่ได้แถลงว่ามีเป้าหมายจะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบได้จริงเมื่อไหร่ แต่เพียงเท่านี้ก็สร้างความฮือฮาให้กับคนไปทั่วโลกแล้ว และเฝ้านับวันรอที่จะได้ขึ้นบินกับจรวดของ Elon Musk อย่างใจจดใจจ่อ

บุรุษผู้มาพร้อมกับความประหลาดใจ(เสมอ ๆ)

ทุก ๆครั้งที่ปรากฏตัวหรือเป็นข่าวออกสื่อ แทบจะไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่ชายผู้นี้จะไม่ทำให้เราร้อง ว้าว Elon Musk เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Paypal ก่อนจะขายไปให้กับ Ebay และเริ่มมีไอเดียที่จะไปดาวอังคาร แต่ก็มาพบว่าจรวดมีราคาแพงเกินไป การปรึกษานาซ่าไม่ได้ช่วยอะไร เขาพบว่านาซ่าไม่พัฒนาระบบยานอวกาศเท่าไรนัก กว่า 40-50 ปีที่ผ่านมา จรวดยังคงมีขนาดใหญ่โตมโหฬาร และสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง แถมเป็นแบบใช้ครั้งเดียวแล้วต้องทิ้งทั้งหมด และทุกครั้งที่ต้องการส่งจรวดออกไปนอกโลกคือต้องเริ่มสร้างใหม่ทั้งหมด เพราะเหตุนี้ราคาจรวดจึงแพง

Elon Musk จึงพยายามติดต่อขอซื้อขีปนาวุธของโซเวียตที่ปลดประจำการแล้วเพื่อนำมาใช้ในการทดลอง แต่พ่อค้ารัสเซียต้องการขายในราคา 8 ล้านดอลล่าร์ เขาคิดว่ามันแพงไปจึงลงมือสร้างขึ้นมาเองและเริ่มการวิจัยทดลองภายใต้แนวความคิดที่ว่า จรวดจะมีราคาถูกลงกว่านี้ถ้าไม่ต้องระเบิดทิ้งทุกครั้ง และมันควรบินกลับมาเติมเชื้อเพลิงและขึ้นบินใหม่ได้ซ้ำแล้วซ้ำอีก และด้วยแนวคิดนี้ จึงดึงดูดนักลงทุนให้สนใจร่วมลงทุนกับเขา ในนามบริษัท SpaceX

SpaceX เติบโตอย่างรวดเร็ว พร้อมกับการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง ในที่สุด Elon Musk ก็ประสบความสำเร็จกับการทดสอบจรวดที่สามารถบินกลับมาที่ฐานได้ด้วยตัวเอง เพื่อเติมพลังงาน นั่นเป็นเครื่องหมายว่าโครงการ SpaceX จะไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันอีกต่อไป และ Elon Musk มั่นใจว่าจะนำคนไปเหยียบดาวอังคารได้ในปี 2024 หรืออีกเพียง 7 ปีข้างหน้าที่กำลังจะถึงนี้

แต่ภายใต้ความตื่นเต้นกับโครงการอวกาศเอกชนอยู่ ๆElon Musk ก็ทำเซอร์ไพร้ส์ให้กับชาวโลกอย่างต่อเนื่องด้วยไอเดียที่ว่า ถ้าดวงจันทร์หรือดาวอังคารมันไกลไป ลองเป็นเซี่ยงไฮ้ หรือ อเมริกาดูมั้ย? ด้วยไอเดียการนำจรวดมาใช้เดินทางแทนเครื่องบิน ฟังดูเป็นอะไรที่บ้ามาก เหมือนขี่ช้างจับตั๊กแตน ใช่มันบ้ามากถ้าใช้จรวดของนาซ่า แต่ถ้าเป็นจรวดของ SpaceX ที่สามารถกลับมาเติมเชื้อเพลิงเองได้ และมีน้ำหนักเบา แถมประหยัดเชื้อเพลิง และมีเจ้าของที่มีโรงงานผลิตพลังงานสะอาดที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาด้วยล่ะก็ มันก็ไม่ใช่เรื่องบ้า ๆ ที่จะเกิดขึ้นจริงไม่ได้

Elon Musk คือสุดยอดนักขาย(ฝัน)

ในแง่ของการเป็นนักขาย ต้องขอยกย่อง Elon Musk ว่าขายของเก่งมาก นี่เป็นเพียงความฝัน ที่มีเพียงภาพซีจีในคลิปความยาวแค่ 1.57 นาที แต่เชื่อว่าทันทีที่นักลงทุนได้ดูคลิปนี้จนจบ จะต้องมือสั่น อยากจะเซ็นเช็คสั่งจ่ายให้ Elon Musk เพื่อเอาเงินไปลงทุนแน่นอน เพราะจากประวัติการทำงานที่ผ่านมา Elon Musk สามารถทำเรื่องเพ้อฝันให้กลายเป็นจริงมาแล้วนับไม่ถ้วน แล้วทำไมครั้งนี้จะไม่ซื้อฝันนี้ล่ะ?

ไม่มีใครรู้ว่า Elon Musk อยากจะพาคนไปดาวอังคารจริงหรือไม่ และสาเหตุที่ทำโครงการ SpaceX นั้นต้องการท่องอวกาศจริง ๆหรือเพียงแค่ต้องการ Disrupt วงการการบินพาณิชย์ เพราะถ้าหากเป็นอย่างที่สอง อีกไม่นานเราน่าจะได้เห็นการขับเคลื่อนโครงการ SpaceX ที่เน้นบินขนส่งในโลกมากกว่านอกโลกแน่นอน แม้จะติดข้อจำกัดทางกฎหมายมากมาย และจะโดนกีดกันจากทุกประเทศ (เพราะทุกประเทศต่างก็มีสายการบินแห่งชาติ และสนามบินแห่งชาติทั้งสิ้น) และยังมีสายการบินเอกชนอีกนับไม่ถ้วน ที่จะต้องพร้อมใจกันขัดขวางหรือแบนโครงการนี้ โดยทางออกน่าจะเป็นการเสนอกับประเทศที่สนใจเข้าร่วมโครงการ และขายจรวดและเทคโนโลยีให้ (เหมือนที่แอร์บัสและโบอิ้งทำเครื่องบินขาย) ดังนั้นคนที่จะเดือดร้อนที่สุดจากโครงการนี้ ไม่ใช่สายการบินหรือเจ้าของสนามบิน แต่เป็นบริษัทผลิตเครื่องบินอย่าง แอร์บัส และโบอิ้ง (ซึ่งทั่วโลกก็มีเพียง 2 บริษัทเท่านั้นที่ผลิตเครื่องบินที่ใช้ในการบินเชิงพาณิชย์และได้รับความนิยมในวงการการบินสูงสุด)

แหกทุกกฏเกณฑ์ของธุรกิจในยุคนี้

Disruption แปลตรงตัวคือการทำลาย และในทางธุรกิจนั้น การที่จะพลิกโฉมวงการใดวงการหนึ่งแบบก้าวกระโดด ก็จำเป็นที่จะต้องมีการ Disruption อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในวันที่ iPhone ของ สตีฟ จ๊อบส์ ถือกำเนิด ก็ได้ Disrupt อุตสาหกรรมการผลิตโทรศัพท์มือถือจนสิ้นซาก จากมือถือปุ่มกดกลายเป็นหน้าจอทัชสกรีน ในวันที่มี Uber แท็กซี่เก่า ๆก็แทบจะสูญพันธุ์ เมื่อมี Airbnb โรงแรมต่าง ๆ ก็เดือดร้อน แต่ที่ได้ประโยชน์คือผู้ใช้บริการ การ Disruption นั้นจึงมาเพื่อทำลายของเก่า แต่จะทำลายได้ของใหม่ก็ต้องดีกว่ามาก ๆ และมาทดแทนจุดที่เคยเจ็บปวดของผู้ใช้ อย่างในกรณีนี้ ในการบินเชิงพาณิชย์ นานหลายทศวรรษแล้ว ที่เราต้องเดินทางข้ามทวีปเป็นเวลานานสิบกว่าชั่วโมง มันเป็นจุดร่วมแห่งความเจ็บปวด ที่ต้องสูญเสียเวลาไปกับการเดินทางโดยเปล่าประโยชน์ และเมื่อ Elon Musk เสนอหนทางที่จะทำให้การเดินทางข้ามทวีปจบลงในเวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง ผู้คนจึงขานรับอย่างเต็มที่

เปลี่ยนจากการบินในชั้นบรรยากาศ สู่การบินนอกโลก

การ Disruption ครั้งนี้ของ Elon Musk ไม่ได้พุ่งเป้าไปที่สายการบิน ไม่มีเหตุผลที่ Elon Musk จะพยายามแทนที่สายการบินซึ่งมีอยู่มากมายนับไม่ถ้วน แต่เป็นการเสนอตัวเข้ามาแทนที่ อุปกรณ์ที่ใช้บิน หรือก็คือ “เครื่องบิน” ต่างหาก แต่ถ้า Elon Musk จะทำบริษัทที่ผลิตเครื่องบินแล้วนำเสนอให้กับสายการบินทั่วโลก ก็จะไม่มีอะไรแปลกใหม่ ต่อให้ทำได้ใหญ่กว่า บินเร็วกว่า ประหยัดกว่า มันก็ไม่น่าสนใจเท่ากับ การขายจรวดให้กับสายการบิน เพื่อมาใช้แทนเครื่องบินทุกลำ!!! เพราะจรวดไม่ต้องการรันเวย์ในการบินขึ้นและลง พื้นที่ในสนามบินจะประหยัดขึ้นมหาศาล และด้วยความเร็วในการเดินทางในแต่ละเที่ยวบิน จะทำให้สามารถรองรับนักเดินทางได้มากยิ่งขึ้น (และแน่นอนมันจะกระทบกับอุตสาหกรรมโรงแรมอย่างเลี่ยงไม่ได้ ใครจะนอนพักโรงแรมถ้าสามารถเดินทางมาติดต่อธุรกิจ ไป-กลับอเมริกาได้ โดยใช้เวลาน้อยกว่าขับรถจากลาดพร้าวมาอโศก)

จากวันที่โลกติดต่อสื่อสารกันด้วยจดหมาย เดินทางด้วยรถม้าหรือรถไฟ สู่วันที่มีโทรศัพท์ มีรถยนต์ มีเครื่องบิน และมาถึงวันที่มีเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง โลกเราจะพัฒนาไปอีกเร็วแค่ไหนหากการเดินทางติดต่อธุรกิจระหว่างประเทศโดยจรวดใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง อีกไม่นานเราคงได้พบคำตอบ

Reources: