Elon Musk เปิดตัว Neuralink สตาร์ทอัพมหาประลัย เปลี่ยนมนุษย์เป็นไซบอร์กคุมจักรกลผ่านสมองคน

Elon Musk สะเทือนโลกอีกครั้ง โดยข่าวนี้เผยผ่านทาง Wall Street Jounal เป็นรายแรกเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2017 ว่าหนุ่มใหญ่เจ้าของฉายา โทนี่ สตาร์ก หรือ ดิไอออนแมน ในโลกความจริงคนนี้ กำลังพัฒนาสตาร์ทอัพตัวใหม่ชื่อ Neuralink เป็นเทคโนโลยีในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ไฮเทคเข้ากับสมองของมนุษย์ เพื่อช่วยให้มนุษย์สื่อสารกับเครื่องจักรได้ผ่านคลื่นสมองโดยไม่ต้องกระดิกแม้แต่ปลายนิ้ว!

ในขณะที่เผยข้อมูลกับทางสื่อ เจ้าตัวได้เริ่มดำเนินกิจการไปเรียบร้อยแล้ว มีการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเมื่อเดือน ตุลาคม ปี 2016 มีทีมนักวิทยาศาสตร์แนวหน้าของโลกจำนวนหนึ่งกำลังพัฒนาตัวผลิตภัณฑ์ และมีพันธมิตรในกลุ่มธุรกิจสุขภาพและโรงพยาบาลอาสาเป็นลูกค้ารุ่นทดลองงาน

Neuralink คืออะไร

“…Over time I think we will probably see a closer merger of biological intelligence and digital intelligence […..]

It’s mostly about the bandwidth, the speed of the connection between your brain and the digital version of yourself, particularly output…”

นี่คือประโยคของ Elon Musk กล่าวไว้ในงาน World Government Summit เมื่อตอนที่เขาไปเปิดตัว Tesla ประเทศดูไบ

ด้วยตัวเขาเองเป็นหนึ่งในนายทุนในโครงการ OpenAI โครงการที่กำลังพัฒนาระบบสมองกลเพื่อให้ฉลาดมาก มีความสามารถด้านความรู้สึกนึกคิด ตัดสินใจ และทำหน้าที่ต่าง ๆ ได้ดีกว่ามนุษย์ โดยเขาตระหนักรู้วันที่หุ่นยนต์จะชนะมนุษย์อาจมาเร็วกว่าที่เราเคยคิด ทำให้ Elon Musk เร่งค้นคว้าแนวทางที่จะทำให้มนุษย์ไม่ตกเป็นทาสของ AI เหมือนในภาพยนต์ไซไฟที่เรารู้จักกันดี เช่น The Terminator และ The Matrix ที่หุ่นยนต์เก่งและฉลาดจนสามารถยึดโลกไปเป็นของตัวเองได้ และหนึ่งในทางออกที่เขาคิดได้คือ..

‘ต้องเอาสิ่งเดียวกับที่จะทำให้เครื่องจักรเก่งกว่ามนุษย์นั้นมาใส่ในตัวมนุษย์เสียเอง’

ในภาษาอังกฤษมีคำศัพท์อย่างเป็นทางการแล้วว่า Transhumanism หรือหากแปลแบบสุดโต่งไปเลยคือการ เปลี่ยนมนุษย์ให้เป็นกึ่งไซบอร์ก

จะเกิดอะไรขึ้นหากมี Neuralink อยู่ในตัวคุณ

แม้จะยังไม่เป็นที่เปิดเผยมากนักถึงวิธีการเชื่อมต่อสมองมนุษย์เข้ากับเครื่องจักร แต่ด้วยกลุ่มลูกค้าผู้ทดลองกลุ่มแรกที่เป็นโรงพยาบาลจึงอาจจะไม่พ้นกลุ่มผู้ป่วยระบบประสาทและสมองที่จะต้องมีการผ่านตัดศีรษะแน่นอนอยู่แล้ว!

ผลลัพธ์ที่ Neuralink จะทำให้เกิดขึ้นกับมนุษย์หลัก ๆ มี 3 ข้อ

1. สมองมนุษย์จะมีประสิทธิภาพสูงขึ้นทั้งในแง่ของความคิดและความจำ

2. มนุษย์จะสามารถอัพโหลด และดาวน์โหลดข้อมูลจากคอมพิวเตอร์เข้าสู่หน่วยความจำและองค์ความรู้ระหว่างกันได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว โดยอาจไม่จำเป็นต้องผ่านการ พิมพ์ อ่าน ฟัง หรือ รับชมด้วยตัวเอง

ความสามารถนี้จะคล้ายกับฉากหนึ่งในภาพยนต์ The Matrix ตอนที่โอเปอร์เรเตอร์อัพโหลดหลักสูตรการขับเฮลิคอปเตอร์เข้าไปในสมองของนางเอก ทำให้เธอมีความรู้ในการขับพาหนะดังกล่าวภายใน 3-5 นาที

3. มนุษย์จะสามารถสื่อสารกับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ เครื่องจักร และหุ่นยนต์ที่ลิงค์กับระบบ Neuralink ผ่านคลื่นสมองได้โดยตรงโดยไม่ต้องมีการเข้าใกล้หรือสัมผัสทางกายภาพ ซึ่งปัจจุบันเครื่องใช้ภายในบ้านบางชนิดสามารถทำงานตามคำสั่งเสียงของมนุษย์ได้แล้วโดยไม่ต้องมีการสัมผัสสวิทช์ อาทิ ผลิตภัณฑ์ Amazon Echo 

สรุป

Neuralink เป็นธุรกิจใหม่ แม้จะดำเนินงานไปในระดับหนึ่งแต่นับว่าเป็นช่วงพัฒนาซึ่งผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จะยังไม่ถูกนำมาใช้ในระดับสาธารณะภายในเร็ว ๆ นี้ โดยยังอยู่ในขั้นทดลองที่อยู่ภายใต้การควบคุมอย่างใกล้ชิด

แต่เมื่อใดก็ตามที่ Neaurlink ถูกใช้งานอย่างเป็นทางการ มันจะสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่อหลายธุรกิจบนโลกนี้ และแน่นอนว่าหลายธุรกิจและหลายอาชีพอาจจะต้องหายไปจากโลกเพราะการมาของเทคโนโลยีที่ Disrupt สังคมในระดับสูงขนาดนี้

5 ผลงานสุดล้ำของเจ้าของฉายา โทนี่ สตาร์ก ในโลกความจริง

สำหรับคนที่เพิ่งรู้จัก Elon Musk ลองดูตัวอย่างผลงานธุรกิจด้านล่าง ซึ่งแต่ละอย่างนั้นราวกับถอดมาจากภาพยนต์ Sci-Fi กันเลยทีเดียว แต่เขาสามารถทำให้เกิดขึ้นจริง!

1. Tesla

Elon Musk ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทพัฒนาและผลิตรถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้อ Tesla ก่อตั้งในปี 2003 และเข้าตลอดหุ้น NASDAQ ในปี 2010 และเมื่อสิ้นปี 2016 มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าครบ 186,000 คันทั่วโลก (รวมกันตั้งแต่เริ่มขายจรดสิ้นปี 2016) ส่งผลให้ Tesla เป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 100% อันดับสองของโลกรองจาก Renault-Nissan Alliance

แต่สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของ Tesla คือระบบ Auto Pilot ซึ่งกำลังถูกพัฒนาเพื่อให้ทำงานแทนมนุษย์ได้ 100% โดยที่ผ่านมารถยนต์ Tesla แต่ละคันจะมี Sensor ที่รับข้อมูลการใช้งานจากผู้ขับและส่งข้อมูลกลับไปประมาลผลที่ส่วนกลางเพื่อนำไปสร้าง Algorithm ขั้นสุดยอดที่จะสามารถคิด วิเคราะห์ และตัดสินใจขับเคลื่อนตัวเองในสถาการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำที่สุด โดยคาดว่าระบบ Auto Pilot ของ Tesla จะมีความสมบูรณ์และประกาศใช้จริงจังในปี 2018

เป้าหมายของ Elon Musk คือเขาต้องการเปลี่ยนรถยนต์บนถนนทุกสายบนโลกให้เป็น รถยนต์ไฟฟ้า!

ด้านล่างเป็นคลิป Tesla พยากรณ์อุบัติเหตุล่วงหน้าจากการคำนวนขั้นสูงผ่านระบบ Auto pilot ของรถยนต์

https://www.youtube.com/watch?v=3TtODhB-008

2. SolarCity

ก่อตั้งในปี 2006 โดย Lyndon และ Peter Rive ได้รับแรงบันดาลใจจากการนำเสนอของ Elon Musk ผู้เป็นญาติและภายหลังได้เป็นประธานบริหารของบริษัท และภายหลังยังได้ควบรวมกิจการกับ Tesla

SolarCity เป็นผลิตภัณฑ์กระเบื้องพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดหลังคาบ้านและจะเก็บพลังงานเพื่อนำไปใช้เป็นพลังงานไฟฟ้าภายในบ้านซึ่งถือเป็นพลังงานสะอาดกว่า และประหยัดกว่า นอกจากนั้น Elon Musk ยังได้พัฒนากล่องเก็บพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อนำไปใช้ต่อยอดในการจ่ายไฟให้กับรถยนต์ Tesla อีกด้วย!

3. SpaceX

Elon Musk รับบทผู้ก่อตั้ง และหัวเรือใหญ่ในธุรกิจอวกาศ มีวัตถุประสงค์ที่จะลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปอวกาศและมีเป้าหมายสำคัญคือการไปสร้างโลกใหม่บนดาวอังคาร โดยจรวดอวกาศของ SpaceX ถูกพัฒนามาให้สามารถขึ้นลงในแนวดิ่งได้ แม้จะประสบความล้มเหลวหลายครั้ง แต่ในที่สุดเขาก็สามารถพัฒนาให้จรวดร่อนลงแนวดิ่งลงบน drone-ship กลางทะเลได้สำเร็จ โดยมีการเผยวีดีโอนาทีสำคัญนั้นเมื่อเดือนกันยายน 2016 ซึ่งผลลัพธ์นี้จะช่วยให้การเดินทางไปอวกาศถูกลงและง่ายขึ้น

4. Hyperloop

เป็นโครงการที่ยังอยู่ในขั้นตอนประเมินความเป็นไปได้ เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายสูงและความเสี่ยงด้านความปลอดภัยต่อผู้ใช้งานหลายด้าน คอนเซปคือพาหนะใต้ดินความเร็วสูง เป็นห้องโดยสารที่จะวิ่งผ่านท่อเล็ก ๆ ขนาดพอดีเพื่อเดินทางผ่านมหาสมุทรจากทวีปหนึ่งไปยังทวีปหนึ่งด้วยความเร็วเสียง หรือประมาณ 1,200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

5. OpenAI

ร่วมก่อตั้งโดย Elon Musk และบุคคลสำคัญของโลกอีกมากมายที่เล็งเห็นว่ากลุ่มนายทุนบางกลุ่มกำลังพัฒนา AI ที่จะฉลาดขึ้นเรื่อย ๆ โดยหวังผลทางธุรกิจ แต่วันหนึ่งที่ AI ฉลาดมากพอ มันจะหันกลับมาปฏิวัติมนุษย์เสียเอง เขาก่อตั้งโครงการไม่แสวงหากำไรนี้ขึ้นมาเพื่อใช้เป็นศูนย์เรียนรู้และพัฒนาการสร้าง AI ที่เป็นมิตรกับมนุษย์