36Kr สื่อของจีน รายงานว่า Didi ได้ใช้สิทธิ์ Veto หรือยับยั้ง การระดมทุนรอบใหม่ของ อาลีบาบา ในที่ประชุมการระดมทุนให้กับ Ofo แม้ทางโฆษกของ Didi จะออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวก็ตาม
“…เราไม่ได้ใช้สิทธิ์ Veto เรายังคงเป็นพันธมิตรกับ อาลีบาบา ร่วมลงทุนใน Ofo อยู่…” โฆษกของ Didi กล่าว
ในเดือนกรกฎาคมปีที่ผ่านมา Ofo ก้าวเข้าสู่ซีรีส์ E ด้วยการระดมทุนได้เพิ่ม 700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งการระดมทุนครั้งนั้นนำโดย อาลีบาบา รวมถึง Didi ด้วย และในปลายปีที่แล้ว Ofo ก็มีข่าวว่า ได้รับสัญญาณที่ดีจากอาลีบาบา ว่าจะลงทุนเพิ่มอีก 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งในสัปดาห์ก่อน เพิ่งจะมีข่าวว่า อาลีบาบาได้ซื้อหุ้นของ Zhu Xiaohu ผู้ลงทุนใน Ofo รุ่นแรกที่ถือหุ้นอยู่จำนวนมาก ด้วยจำนวนเงินสูงถึง 3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
Jia Jinghua แหล่งข่าวรายงานว่า ในการระดมทุนรอบล่าสุด ผู้ถือหุ้นหลายรายได้ตกลงร่วมกัน และลงนามในสัญญาการลงทุนใน Ofo แล้ว มีผู้ถือหุ้นเพียงรายเดียวเท่านั้นที่ลังเลในการลงนาม นั่นก็คือ Didi ซึ่ง Didi เพิ่งจะเปิดตัวว่า ได้ทำการซื้อกิจการ Bluegogo มาเป็นของตัวเองแบบ 100% เมื่อสัปดาห์ก่อน
ซึ่งหากสถานการณ์เป็นเช่นนี้ คือ ผู้ถือหุ้นเดิมใน Ofo ยอมลงทุนเพิ่ม แต่ Didi เพียงคนเดียวที่ไม่ลงทุนเพิ่ม จะเท่ากับว่าสัดส่วนหุ้นของ Didi ใน Ofo จะลดลงทันที ซึ่งของเดิม Didi ถืออยู่ประมาณ 30% ซึ่งถือว่ามากทีเดียว แต่ถ้าครั้งนี้อาลีบาบาลงหนักถึง 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และรวมกับที่ซื้อมาจากเจ้าของเดิม 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ด้วยแล้ว Didi อาจจะเหลือหุ้นอยู่ไม่ถึง 10% ก็เป็นได้
และการลงทุนของอาลีบาบาในครั้งนี้จะเหมือนการล้างสัดส่วนการถือหุ้นของ Didi ออกไปเลย
Didi นั้นหลังจากที่ซื้อ Bluegogo มาเข้าพอร์ตของตัวเองก็เริ่มลงมืออย่างจริงจังและหนักหน่วง หวังจะยึดครองส่วนแบ่งการตลาดให้ได้ และได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้ว ทำให้ Bluegogo กลับมาคึกคักอีกครั้ง เป็นที่น่าสังเกตว่า อะไรทำให้มังกรน้อยอย่าง Cheng Wei กล้าหักกับนายใหญ่ แจ็ค หม่า กลางที่ประชุมแบบนี้ และท่าทีที่อาลีบาบาตอบกลับจากการใช้สิทธิ์ Veto ของ Didi คือล้างบางสัดส่วนหุ้นของ Didi ออกจาก Ofo เลยทีเดียว (ต้องใส่เงินลงไปมากแค่ไหนถึงจะลดสัดส่วน 30% ให้เหลือน้อยกว่า 10% ได้)
การตัดสินใจครั้งนี้ จะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของ Cheng Wei จริงหรือไม่ เพราะหากอาลีบาบาทุ่มทุนจนถือหุ้นส่วนใหญ่ใน Ofo หมายความว่า ศึกครั้งนี้ในธุรกิจ Bike Sharing มังกรน้อยอย่าง Didi จะต้องรับมือกับทัพใหญ่ของอาลีบาบา ที่นำทัพโดยแจ็ค หม่า ส่วนอีกด้านนึงก็ต้องสู้กับ Mobike ที่มี Tencent ของ โพนี่ หม่า ถือหุ้นใหญ่ ศึกครั้งนี้ จะไม่ชนะง่ายๆเหมือนตอนที่สยบ Uber แน่นอน
ถ้าเทียบกำลังภายในกันแล้ว แม้ Cheng Wei จะเป็นคนหนุ่มไฟแรง แต่ก็ยากที่จะโค่น สองมังกรใหญ่อย่างแจ็ค หม่า และ โพนี่ หม่าได้ง่ายๆ ศึกครั้งนี้ต้องจับตามองห้ามกระพริบตาเลยทีเดียว
* หมายเหตุ
ข่าวลือการใช้สิทธิวีโต้ของ Didi ยังไม่สามารถยืนยันได้ แต่ถ้าหากเป็นจริง (ซึ่ง Didi ถือหุ้น30% ถือเป็นเสียงข้างมาก) สามารถใช้สิทธิ์วีโต้ยับยั้งการประชุม คือยกเลิกการโหวต และให้ยกยอดการโหวตไปในการประชุมครั้งหน้า
เท่ากับจงใจชะลอการเติบโตของ Ofo คือไม่อยากให้ Ofo โตไปมากกว่านี้ นั่นก็เท่ากับแสดงเจตนาชัดเจนแล้วว่า ต้องการแข่งขันในธุรกิจ Bike Sharing นี้อย่างเต็มตัว โดยจะโยกเงินไปลงใน Bluegogo แทน แต่การที่ Didi ตัดสินใจแบบนี้เท่ากับประกาศสงครามกับนายใหญ่อย่าง แจ็ค หม่า ซึ่งผลจะลงเอยอย่างไรนั้นคงต้องติดตามกันต่อไป
Source: