Darren Rowse: The God Father แห่งวงการบล็อกเกอร์

Darren Rowse

มีผู้อ่านหลายคนอยากให้แนะนำเรื่องราวของ Darren Rowse ซึ่งผู้ชายคนนี้ผมเองต้องยอมรับนับถือในความเป็นบล็อกเกอร์ระดับ The God Father กันเลยทีเดียว เพราะด้วยวัย 41 ปีในปี 2013 เขาบล็อกมาแล้วถึง 11 ปีเต็ม! ทำให้บล็อกเกอร์อาชีพในต่างประเทศแทบไม่มีใครไม่รู้จัก Darren R.

Darren Rowse เป็นตัวอย่างที่ดีของบล็อกเกอร์พันธ์อึด เพราะแม้เขาจะเป็นรุ่นแรกๆที่หารายได้ผ่านบล็อกด้วย AdSense ในยุคที่การแข่งขันน้อยแถมเป็นบล็อกภาษาอังกฤษที่เหมาะกับ AdSense แต่กระนั้นกว่าที่ AdSense จะทำเงินให้เขาแตะระดับ $15 ต่อวันก็กินเวลายาวนานร่วมครึ่งปีและต้องผ่านการเจียดเวลาอีกวันละมากบ้างน้อยบ้างหลังจากงานประจำมาป้อนบทความให้แก่บล็อกอย่างสม่ำเสมอไม่ขาด สาเหตุหลักๆเลยที่เขาสามารถทำอย่างนั้นได้เพราะเขามอง Passion ที่จะบล็อกเป็นหลักในขณะที่เรื่องยอดจาก AdSense เป็นรอง

นี่เป็นเครื่องเตือนสติบล็อกเกอร์ใหม่ได้อย่างดีว่าอย่างเพิ่งถอนตัวถอนใจไปหากคุณเพิ่งเริ่มต้นเพียงไม่กี่สัปดาห์และพยายามอย่านำเรื่องเงินมาเป็นเรื่องหลักจนทำให้พลังทางความคิดสร้างสรรค์ต้องถูกบั่นทอนลงไปจนไม่สามารถผลิต Content ดีๆใส่บล็อกของตัวเอง

บล็อกของ Darren Rowse

Darren Rowse สร้างบล็อกแรกในปี 2002 ชื่อ LivingRoom.org.au ซึ่งเป็นบล็อกแนว ความสนใจเฉพาะตัว อาทิ เรื่องทั่วๆไปเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในออสเตรเลีย, เรื่องศาสนา, และเรื่องการเมือง นอกจากนั้นเขายังมีบล็อกปลีกย่อยอีกมากมายซึ่งเขาเคยมีบล็อกสะสมมากถึง 20 บล็อกในคราวเดียว แต่บล็อกหลักที่สร้างชื่อและทำเงินให้กับ Darren Rowse เป็นกอบเป็นกำมีสองบล็อกคือ ProBlogger.net (23 Sep. 2004) และตามมาด้วย DigitalPhotographySchool.com

ทั้งสองบล็อกนี้มี Page views ตกเว็บละประมาณ 80,000-100,000 ต่อวัน และ ทั้งสองบล็อกรวมกันสร้างรายได้ให้ Darren R. ประมาณ $20,000 ต่อเดือน

แนวทางการทำเงินของ Darren Rowse

ความน่านับถือของ Darren Rowse คือการกระจายรายได้อย่างชาญฉลาด หรือ Blog Income Diversification ที่มากมายถึง 11 ช่องทาง ซึ่งจริงๆ Darren R. เองก็คิดเสมอว่าช่องทางรายได้ต่างๆของเขาก็ไม่ได้ถูกวางแผนไว้แต่มันเกิดขึ้นมาตามธรรมชาติหลังจากที่บล็อกเกิดการเติบโตไปตามกาลเวลา แต่อย่างไรก็ดีผมคิดว่านี่เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ เพราะบ่อยครั้งที่ผมจะพบเจอการโพสต์กระทู้ใน ThaiSEOBoard.com ประมาณว่าแต่ก่อนมีรายได้จาก AdSense บ้าง หรือ Amazon บ้าง พอมาตอนนี้ Google Algorithm เปลี่ยน Amazon โหด ก็แทบจะไม่มีกินกันไปเลย ฉะนั้นเราจำเป็นต้อง Diversify ช่องทางรายได้เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝันไว้บ้าง

รายได้ในยุคบุกเบิก

ช่วงแรกที่ Darren R. สร้างบล็อกใหม่ๆ และก่อนที่จะมาเป็น ProBlogger เขาทำเงินด้วยวิธีสุด Classic ตลอดกาลนั่นคือ…
1) AdSense
2) Amazon Affiliate

และต่อมา (เป็นปี) เมื่อบล็อกเริ่มมี Traffic เขาสามารถขยับไปสู่การขาย…
3) Direct Ads: ซึ่ง Ads แรกได้เงินมา $20 ต่อการติดป้ายโฆษณาให้ลูกค้าเป็นเวลา 1 เดือน

รายได้ในยุคโมเดิร์นเดย์

หลังจากพัฒนามาเป็น ProBlogger และ Digital Photography School ดังกล่าวช่องทางรายได้จาก AdSense, Ads, และ Amazon ก็ยังมีอยู่ แต่ด้วย Authority ของบล็อกทำให้เขาสามารถที่จะพ่วงการโปรโมทสินค้าตัวอื่นๆได้ด้วย
4) Other Affiliate

และความนิยมของ ProBlogger ทำให้เขาถูกทาบทามไปทำงาน Offline สองชิ้น…
5) Speaking
6) Book Problogger: Secret of Blogging Your Way to 6 Figure Income ขายผ่าน Amazon.com

เมื่อมีชื่อเสียงทั้งในโลก Online และ Offline เขาจึงสามารถพัฒนาไปสู่งาน…
7) Consulting: แต่ด้วย Nature บางอย่างของงานที่ปรึกษาที่เขาไม่ถูกใจ เขาจึงเลิกทำในเวลาต่อมา

และช่องทางรายได้ในช่วง 5 ปีหลังได้แก่…
8) Job Board (ประกาศงานซึ่งทำรายได้สะสม $100,000 ภายใน 5 ปี)
9) eBook: ขายผ่านเว็บบล็อก

Problogger 1st Week of Blogging
Problogger Scorecard for Blogger
Problogger 31 Day to Build a Better Blog

นอกจากนั้นยังมี eBook ที่ขายบนเว็บ Digital Photography School อีกต่างหาก

10) Membership: Paid content area
11) Event: Problogger Training Event

วิเคราะห์ความเป็น Full-Time Blogger ของ Darren Rowse

Darren R. เป็นตัวอย่างของ Full-time blogger ที่ทำให้การ Blog เป็นอาชีพดูมีความมั่นคงอย่างเป็นรูปธรรม ตัวตนของ Darren R. ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่ในโลก Online แต่ยังมีบทบาทออกมาสู่โลก Offline โดยการได้รับเชิญไปแสดงการพูดในการงานต่างๆ, การได้ออกสื่อ, ได้สัมภาษณ์ออกโทรทัศน์ เป็นต้น

Darren R. ไม่ได้หยุดอยู่แค่การป้อนบทความไปวันๆ แต่เขาพัฒนาบล็อกให้เป็น Community online อาทิ ProBlogger ที่มีทั้ง Guest writer, Forum และ Job Board ส่วน Digital Photography School มี Forum และ Guest photo contest ฟีเจอร์ต่างๆเหล่านี้ก่อให้เกิดเป็นชุมชนเล็กๆขึ้นในเว็บที่มีคนหมุนเวียนเข้ามาดูโดยผมเชื่อว่าจำนวนไม่น้อยมาจากปากต่อปาก

การพัฒนาเว็บให้เกิดเป็นชุมชนมีข้อดีคือเว็บจะมี Authority สูง การมาของผู้คนจะไม่ได้พึ่งพา Search engine แต่เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่จะมาจากบอกต่อ Authority ของเว็บและเจ้าของเว็บจะเป็นตัวเพิ่มช่องทางรายได้ กล่าวคือแทนที่จะอาศัย AdSense และ Amazon affiliate เพียงสองทางก็จะสามารถขยายไปสู่การขาย Content ในรูปของ E Book ก็ดี หรือการขาย Workshop หรือ Meeting ต่างๆก็ดี นอกจากนั้นเว็บที่มีความเป็นชุมชนจะดึงดูด Direct ads ที่สามารถพูดคุยและตกลงค่าโฆษณาเป็นก้อนได้อีกด้วย

Slide1

ด้านบนคือ Home Page ของ Problogger  บล็อกที่กลายเป็น Landmark ของบล็อกเกอร์ใหม่ทั่วโลกต้องตรงไปศึกษาหาความรู้ ด้วยความที่บล็อก Active มาก มี Page views วันละ 80,000 views ขึ้นไปทำให้ Darren สามารถเปิด Freelance Job Board ขึ้นในบล็อกของตัวเองและเป็นแหล่งรายได้ถึง $100,000 ใน 5 ปีที่เปิด Job Board นี้ขึ้นในเว็บเพียงเว็บเดียว

Slide2

ด้านบนคือ Home Page ของ Digital Photography School ซึ่งเพิ่ง Renovate ใหม่เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2013 ที่ผ่านมา ซึ่งทำออกมาสวยมากเพราะใช้โทนสีสว่าง (ของเดิมโทนน้ำตาลอ่อน) แล้วยังใส่ Dynamic Slider เข้าไป ดูแล้วอลังกาล

Slide3

อันนี้คือ eBook Store ของ Digital Photography School จริงๆนี่คือความฝันของผมเลยที่จะมี eBook Store ซึ่งผมเคยลองทำแต่ออกมาไม่สวยแต่วันนี้พอได้มาเห็นสิ่งที่ Darren R. ยิ่งเป็นการจุดประกายให้เก็บไปคิดพัฒนาต่อไป eBook Store ผมคิดว่าทำได้หลาย Niche ด้วย อาทิ Health& Welness, Fitness& Diet, Software& App, Finance& Investment, Learning& Education ฯลฯ ใครอยู่ Niche ไหนสามารถไปพัฒนาบล็อกและ Store ในแนวนั้นๆยังได้

วิธีสร้างบล็อกให้มี Authority

Authority หมายถึง อิทธิพล หรือ อำนาจ ฉะนั้นการจะทำให้บล็อกมี Authority คุณต้องเป็นตัวของตัวเอง ภาษาอังกฤษเรียกว่า Speak your own voice

บล็อกที่สปินเนื้อหา, หรือลอกบทความมาจะไม่สามารถพัฒนา Authority ได้ คุณจำเป็นต้องฝึกฝนการนำข้อมูลมาสรุปแล้วเรียบเรียงออกมาเป็นสไตล์ของตัวเองหรือการเขียนเนื้อหาเดิมที่มีในตลาดในมุมมองใหม่ นั่นคือเหตุผลที่หนังสือบางอย่างที่ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่ขายดิบขายดี เช่น The Secret ของ Rhonda Byrne ว่าด้วย กฎแห่งแรงดึงดูด ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่การเรียบเรียงและถ่ายทอดที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้ขายดีจนกลายเป็นแบรนด์ไปโดยปริยาย

การสร้าง Authority บล็อกต้องการการทางความรู้ในเนื้อหาและการลงทุนทางเวลา ความรู้อาจเป็นสิ่งที่มีติดตัวคุณจากงานประจำและงานอดิเรกที่คุณชอบทำ เหล่านี้คือความรู้เฉพาะทาง ต่อมาคือการศึกษาเพิ่มจากแหล่งต่างๆ การเรียนเพิ่ม และการอ่่าน ความรู้ที่คุณศึกษาจะตกผลึกมาเป็น Content ที่มีคุณค่าแก่คนรุ่นหลัง ประโยชน์ที่ผู้คนได้รับจะเป็นตัวสร้าง Authority ในสาขาที่คุณบล็อก

ส่วนการลงทุนทางเวลานั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ Rome wasn’t build in one day… แต่เมื่อสร้างเสร็จแล้ว มันคงอยู่ตลอดไป บล็อกเกอร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงล้วนผ่านประสบการณ์ Traffic วันละ 5 คน 10 คนมาแล้วทั้งสิ้น พวกเขาใช้เวลาสร้าง Momentum ของ Content และ Connection กับผู้อ่านเป็นปีก่อนที่จะ Traffic จะระเบิดไปเป็น 1,000, 10,000 หรือ 100,000 page views ต่อวัน

พอบอกว่าใช้เวลาเป็นปีบางคนฟังแล้วถอดใจว่าอย่างงั้นฉันไม่ทำดีกว่านานไปเสียเวลา แต่ผมมีข้อคิดไว้อย่างว่า

จะ 1 ปี หรือ 5 ปีจากนี้คุณก็ต้องเดินทางไปถึงต่อให้คุณไม่ทำอะไรเลยก็ตาม

คุณต้องเลือกเองว่าจะเดินไปตัวเปล่า หรือ จะลงมือทำแล้วเดินทางไปถึง 1 ปีข้างหน้าพร้อมกับอะไรติดไม้ติดมือไปด้วย


และหากคุณชอบใน Content ที่ทาง CEO Blog ได้นำเสนอ ในเร็ว ๆ นี้ ทาง CEO Blog ของเรานั้น กำลังจะมีโปรเจค CEO Premium Content ซึ่งเป็น Content ด้านการค้าปลีกออนไลน์ แบบพรีเมี่ยม ที่หาอ่านไม่ได้บน Blog ปกติของ CEO Blog โดยจะเปิดรับสมัครสมาชิกพรีเมี่ยมในเร็ว ๆ นี้

หากคุณไม่อยากพลาด Content ระดับ Premium สามารถลงทะเบียนเพื่อรับแจ้งข่าวสารได้ที่นี่ก่อนใครเลยครับ รับรองได้เลยว่ามันเป็น Content ระดับพรีเมี่ยมในราคาที่คุ้มสุด ๆ อย่างแน่นอน >>> ลงทะเบียนรับข่าวสารที่นี่ก่อนใครceo premium content