Dan Norris — เมื่อเอ่ยชื่อนี้อาจไม่ค่อยมีใครรู้จัก และถ้าบอกว่าเขา คือ ผู้ก่อตั้งธุรกิจออนไลน์นามว่า WP Curve (ดับเบิลยูพีเคิร์ฟ) ก็ยิ่งไม่มีใครรู้จัก นั่นก็เพราะเขาได้ขายกิจการให้กับบริษัทอินเตอร์เน็ตยักษ์ใหญ่ระดับโลก GoDaddy ไปเมื่อปี 2016 หรือ เพียง 3 ปี หลังก่อตั้ง WP Curve
ความมหัศจรรย์ของ WP Curve
WP Curve คือ เป็นธุรกิจแบบ ‘วันแมนคัมพานี’ (One-man company) หรือ กิจการเจ้าของคนเดียว และทีมงานแบบ ‘รีโมท’ (Remote) อยู่ทั่วโลกโดยไม่ต้องมีสำนักงาน แทบไม่มี Fixed-cost, ต้นทุนต่ำ, กำไรสูง
และที่สำคัญ มีรายได้แบบ Recurring revenue หมายความว่า ปิดการขายลูกค้าครั้งเดียว ได้เงินจากลูกค้าคนนั้น ๆ ทุกเดือนตลอดไปจนกว่าจะยกเลิกใช้บริการ! โดย Dan เริ่มต้นด้วย ‘ทุน 0 บาท’ และมีรายได้เดือนละ ‘ล้านบาท’ โดยไม่เสียค่าโฆษณาสักบาทเดียว
Dan Norris เล่าประสบการณ์อันมีประโยชน์สำหรับคนรุ่นใหม่ไว้หลากหลายที่ โดยเฉพาะในหนังสือ ‘The 7 Day Startup : You don’t learn until you launch’ บทความนี้ CEO Channels จะย่อยประสบการณ์ของผู้ชายคนนี้ให้ฟังกันง่าย ๆ
เริ่มต้น
Dan Norris มีความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบและสร้างเว็บไซต์ด้วย WordPress เขาจึงได้ลาออกจากงานประจำมาสร้างธุรกิจรับออกแบบและสร้างเว็บไซต์ด้วย WordPress
ถึงแม้จะมีลูกค้าว่าจ้างเรื่อย ๆ แต่เมื่อหักลบค่าใช้จ่ายแล้ว เขามีรายได้ตกถึงตัวกระเป๋าเองประมาณ 40,000 ดอลล่าร์ ต่อปี หรือประมาณ 1.2 ล้านบาท ซึ่งถือว่าน้อยมากสำหรับที่อเมริกา เพราะรายได้ของลูกจ้างประจำในตำแหน่ง ‘ธุรการ’ เริ่มต้นที่ 5 – 6 หมื่นดอลล่าร์ต่อปีเข้าไปแล้ว หรือ พูดง่าย ๆ คือ Dan มีรายได้จาก ‘ธุรกิจส่วนตัว’ น้อยกว่า ‘ลูกจ้าง’ ระดับเด็กจบใหม่ด้วยซ้ำไป
เมื่อเป็นเช่นนี้ — ช่วงต้นปี 2012; Dan Norris จึงขายบริษัทรับจ้างทำเว็บไซต์หลังจากทนทำมานานเกือบ 7 ปี เพื่อไปสร้างธุรกิจที่เติบโตได้แบบไม่มีขีดจำกัด หรือภาษาสตาร์ทอัพเรียกว่า Scalable — ซึ่งก็หนีไม่พ้นธุรกิจ Software as a service หรือ SaaS (สาส)
ตกต่ำ
กลางปี 2012; Dan Norris นำเงินทุนจากการขายบริษัทไปเริ่มธุรกิจใหม่ที่มีชื่อว่า Informly เป็นซอฟต์แวร์ช่วยวิเคราะห์สถิติภายในเว็บไซต์ทั้งของตนเองและคู่แข่ง
เขาทำการตลาดด้วยกลยุทธ์ที่เรียกว่า Content marketing นั่นคือ การเขียนบทความเล่าประสบการณ์การทำงานภายในบริษัท สลับการการให้ความรู้ในการทำการตลาดออนไลน์ และวิธีใช้เครื่องมือ Informly ให้เกิดผลลัพธ์สูงสุด
กลางปี 2013; ผ่านไปประมาณ 11 เดือน — Dan พบว่าเขามีรายได้เฉลี่ยเดือน 400 ดอลล่าร์เศษ ๆ ในขณะที่ค่าใช้จ่ายบริษัทสูงถึงกว่า 2,000 ดอลล่าร์ มาโดยตลอด และเขากำลังจะหมดตัว
จุดเปลี่ยน
Dan Norris เล่าในหนังสือ The 7 Day Startup ว่าเขาแทบไม่เหลืออะไรแล้ว และมีเงินพอใช้อีกประมาณ 2 สัปดาห์เท่านั้น ณ เวลานั้นมี 2 ความคิดตีกันในหัว ระหว่าง
1). รีบวิ่งไปสมัครงาน และหางานประจำทำให้เร็วที่สุด
2). ลองคิดใหม่ทำใหม่ หาอะไรทำอีกครั้งที่ได้เงินเร็วที่สุดโดยไม่ต้องลงทุน
เขาตัดสินใจเลือกข้อ 2 โดยใช้โอกาสครั้งสุดท้ายในการท้าทายตัวเองว่าจะต้องสร้าง ธุรกิจใหม่ภายใน 7 วัน โดยไม่ใช้เงินลงทุนเพิ่มอีกแล้ว และต้องได้เงินภายในเดือนนั้น ๆ
กำเนิด WP Curve
เมื่อโจทย์ชัดเจน แผนงานชัดเจน ได้แก่ :
1) Dan มองเห็น ‘ทรัพยากร’ ที่มีมูลค่าสูงสุดที่เขามีอยู่แล้ว นั่นคือ ความเชี่ยวชาญในการใช้ WordPress แบบทะลุปรุโปร่ง
2) โจทย์ต่อมา Pain point ของตลาด; คนที่ใช้ WordPress มีปัญหาอะไรบ้าง? — คำตอบที่เขาพบ คือ ปัญหาจุกจิกที่ทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถโฟกัสกับธุรกิจออนไลน์ได้เพราะมัวแก้ปัญหากระจุกกระจิกของเว็บไซต์
3) แล้ว Solution ในตลาดมีหรือไม่; คำตอบ คือ ‘มีแล้ว’ แต่ยังไม่สมบูรณ์ เพราะผู้ให้บริการ WordPress hosting ต่าง ๆ ยังมีขีดจำกัดในการให้บริการแก้ปัญหาเว็บไซต์ระดับลึก
และสุดท้าย ตลาดนี้ใหญ่แค่ไหน? — เดือน มิถุนายน ปี 2013 ทั้งโลกมีเว็บไซต์ประมาณ 672 ล้านเว็บ (ที่มา) และประมาณ 25 – 35% ใช้ WordPress นั่นหมายความว่าอย่างน้อยที่สุดจะต้องมี WordPress จำนวน 168 ล้านเว็บไซต์ในปี 2013
WP Curve จึงถือกำเนิดขึ้นในเดือน มิถุนายน 2013
โมเดลรายได้ คือ การขายแพกเกจแบบจ่ายรายเดือน ช่วงโปรโมชั่นราคาเดือนละ 59 ดอลล่าร์ — ลูกค้าจะได้รับบริการดูแลและแก้ปัญหาเว็บไซต์ WordPress แบบ 24 ชั่วโมง / 7 วัน และสามารถสนทนาสดกับเจ้าหน้าที่ 30 นาทีต่อเดือน
Dan สร้างเว็บไซต์และระบบชำระเงินง่าย ๆ เพื่อเสนอขายบริการ และนำข้อความไปโพสต์ประกาศในเว็บบอร์ดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงส่งข้อความไปหาสมาชิกเก่าของ Informly และได้ลูกค้า 10 คนแรก ภายใน 7 วันหลังก่อตั้ง WP Curve — ส่งผลให้ธุรกิจใหม่มีรายได้ 590 ดอลล่าร์ ภายในสัปดาห์เดียว ซึ่งมากกว่ารายได้จากบริษัท Informly เคยทำได้ทั้งเดือน และที่สำคัญ แทบไม่มีต้นทุน!
ในช่วงแรก Dan เป็นผู้ดูแล และแก้ปัญหาเว็บไซต์ให้ลูกค้าทุกคนด้วยตนเอง จนกระทั่งเมื่อลูกค้าเพิ่มจำนวนมากขึ้น เขาได้ทำการจ้างผู้เชี่ยวชาญ WordPress จำนวนหนึ่ง เพื่อทำงานแบบเวียนกะ โดยพนักงานทั้งหมดทำงานแบบ Remote ประจำการอยู่ที่บ้านตนเองจากทั่วโลก
13 เดือนหลังก่อตั้ง — WP Curve มีรายได้แบบ Recurring revenue จำนวน 33,000 ดอลล่าร์ หรือ มากกว่า 1 ล้านบาท ต่อเดือน
วันนี้
WP Curve ก่อตั้ง มิถุนายน 2013 และขายกิจการให้บริษัทอินเตอร์เน็ตยักษ์ใหญ่ GoDaddy ในปี 2016 ในราคาที่ไม่ได้รับการเปิดเผย โดยสถิติสุดท้ายก่อนขายกิจการ ได้แก่
- มีพนักงาน 39 คนใน 8 ประเทศ ทำงานจากที่บ้านทั้งหมด
- มีลูกค้า 1,000 Active customers
- ทำงานสำเร็จแล้ว 44,000 โปรเจคตั้งแต่เปิดตัว
- ทำงานสำเร็จแล้ว 4,000 โปรเจคในเดือน กรกฏาคม 2016
หลังจากขายกิจการให้ GoDaddy — Dan ได้สร้างธุรกิจใหม่ อีก 3 โครงการ ได้แก่
- อาชีพเขียนหนังสือขายผ่าน Amazon.com
- ธุรกิจ Membership site ชื่อว่า 7 Day Startup Community
- ธุรกิจเบียร์ Black Hops Brewery ซึ่งก็แทบจะไม่ได้เงินทุนตัวเอง ก่อตั้งธุรกิจผ่านระบบ Crowd funding ผ่านเว็บไซต์ Pozible.com
บทเรียนจาก Dan Norris
1. เมื่อเห็นแววเจ๊ง ก็ต้องกล้ายอมรับตัวเองให้เร็วที่สุด
Dan เขาเสียเวลาเกือบ 7 ปีกับธุรกิจที่แทบไม่ทำกำไร และเกือบ 1 ปีกับธุรกิจที่ขาดทุนทุกเดือน หรือพูดง่าย ๆ ว่า ธุรกิจมันไม่น่าทำต่อนานแล้ว แต่ตนเองยังไม่ยอมรับนั่นเอง
บทเรียนนี้ทำให้เขาเรียนรู้ว่าเมื่อมีไอเดียดี ๆ จงเริ่มให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้รู้ว่า ‘มันเวิร์คหรือไม่’ และหากมันไม่เวิร์ค สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องกล้าทำ คือ กล้าตัดสินใจเลิกเพื่อไปเริ่มธุรกิจตัวถัดไปให้เร็วที่สุด
2. จงใช้ทุนให้น้อยที่สุด
ต้นทุนในการทำธุรกิจ คือ ตัวฉุดรั้งทั้งความมั่งคั่งของคุณ — ในโลกธุรกิจสมัยใหม่ที่หลายอย่างทำออนไลน์ ใช้ซอฟต์แวร์ ไม่ต้องมีออฟฟิศ คุณแทบไม่มีต้นทุนในการเริ่มธุรกิจเหมือนสมัย 50 ปีที่แล้วอีกแล้ว
จงใช้ ข้อจำกัด เป็นพลัง และเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ให้มากว่าจะเริ่มธุรกิจอย่างไรโดยใช้ทุนทางการเงินให้น้อยที่สุด ดั่ง คุณหมู Ookbee หนึ่งในเจ้าพ่อสตาร์ทอัพของไทย เคยบอกไว้ “การตลาดที่ดีที่สุดคือการตลาดที่ไม่ใช้เงิน”
กลยุทธ์การตลาดของ WP Curve คือ Content marketing เขียนบทความเล่าประสบการณ์การทำงานภายในบริษัท สลับการการให้ความรู้ในการทำการตลาดออนไลน์ และวิธีใช้เครื่องมือให้เกิดผลลัพธ์สูงสุดแบบที่เคยทำกับ Informly โดยเขาเคยเขียนบทความจำนวนสูงสุดถึง 13 บทความในวันเดียว! และมีการเก็บ Email list ผู้อ่านเพื่อทำ Email marketing ตลอดเวลา
3. Email list คือ ทรัพยากร ที่มีค่าที่สุด
ทุกครั้งที่ Dan เริ่มธุรกิจใหม่ แต่เขาไม่ได้เริ่มจากศูนย์ เพราะตลอดการทำธุรกิจที่ผ่านมาเขามีการเก็บข้อมูลและช่องทางติดต่อสมาชิก (ทั้ง Free และ paid members) ต่อมา เมื่อเขาเปิดธุรกิจตัวใหม่ ๆ ก็สามารถสื่อสารกับ สมาชิก เก่า ๆ ที่ติดตามเขามาโดยตลอดได้ทันทีโดยไม่ต้องซื้อโฆษณาออนไลน์ราคาแพง ๆ นั่นเอง
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง
รู้จัก Bob Parsons เจ้าของ GoDaddy ธุรกิจเสือนอนกินแห่งโลกออนไลน์ตัวจริง
อ้างอิง
https:// beanninjas.com/blog/dan-norris/
https:// www.pozible.com/project/203153