หากเอ่ยถึงประเทศในเอเชียที่รัฐบาลอาจปิดกั้นทางการเมืองอยู่ แต่เปิดกว้างมากขึ้นทางเศรษฐกิจ และคนในประเทศก็กำลังก้าวผ่านความยากจน เริ่มมีกำลังซื้อ และมีนักธุรกิจแนวหน้าของโลกเกิดขึ้นจากประเทศนี้ คนจำนวนไม่น้อยต้องนึกถึง ประเทศจีน เป็นหนึ่งใน Top of mind
ในขณะนี้ สำหรับชาวจีนในหลาย ๆ ครอบครัวแล้ว แทนที่จะต้องมาวิตกกังวลเรื่องเงินในกระเป๋าเหมือนยุกบุกเบิก พวกกลับเริ่มจับจ่ายใช้สอยกันอย่างคล่องมือ สำหรับผู้ประกอบการไทยอย่างเรา รู้ไว้ใช่ว่า มาอัพเดทพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนไปของพี่จีนกัน
1. มั่นใจว่ารายได้ส่วนจะบุคคลสูงขึ้น
จากการลงพื้นที่สัมภาษณ์ประชากรจีนกว่า 10,000 คน ตั้งแต่อายุ 18 – 56 ปี จาก 44 จังหวัด ในหัวข้อ The Modernization of the Chinese Consumer เมื่อปี 2016 ที่ผ่านมา โดย Daniel Zipser ผู้นำของ The Greater China Consumer & Retail Practice ในเซี่ยงไฮ้ และผู้ร่วมก่อตั้งอีก 2 คน Yougang Chen, Fang Gong พบว่า 1 ในเหตุผลที่ผู้บริโภคชาวจีนยุคนี้กล้าใช้จ่ายกันมากยิ่งขึ้น เพราะกว่า 55% ของพวกเขามั่นใจว่ารายได้ส่วนบุคคลใน 5 ปีต่อจากนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
2. ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่
เมื่อวางใจในกับรายได้ที่เพิ่มขึ้น ไม่ต้องปวดหัวเรื่องหาเช้ากินค่ำ ชาวจีนก็เริ่มให้ค่าการใช้ชีวิตให้สมดุลย์ทั้งด้านของสุขภาพ และครอบครัว สัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่ รักการพักผ่อนหย่อนใจกันมากขึ้น อีกทั้งยังนิยมซื้อสินค้าจากต่างประเทศด้วย ซึ่งสินค้าจากไทยเองก็ติดโผ
“ก่อนฉันจะไปเที่ยวที่เมืองไทย ยา และ Skincare นับเป็นลิสของสินค้าที่ฉันต้องซื้อให้ได้ ซึ่งหลังจากที่มาถึงเมืองไทยจริงๆ เราก็ได้ซื้อยา และ Skincare กลับมานะ ที่เพิ่มเติมคือเราซื้อหมอนเพื่อสุขภาพกลับมาด้วย”
คำบอกเล่าของพนักงานบริษัทข้ามชาติแห่งหนึ่งของจีนได้เล่าให้เราฟังถึงประสบการณ์การมาท่องเที่ยวในเมืองไทยเมื่อช่วงต้นปี
ที่น่าสนใจคือชาวจีนปัจจุปันต่างเห็นตรงกันว่า การ Shopping คือช่วงเวลาอันผ่อนคลายของครอบครัว สังเกตได้จากยอดจำหน่ายของสินค้าอุปโภคบริโภคภายในครอบครัวลดลง เพราะพวกเขานิยมไปทานอาหารนอกบ้านกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัวกันบ่อยขึ้น
ในขณะเดียวกัน ยอดขายที่เพิ่มขึ้นถึง 50% ของธุรกิจโรงหนังในช่วงปีที่ผ่านมาก็พอจะบอกได้เป็นนัยถึงพฤติกรรมรักความบันเทิงที่มากขึ้นเช่นกัน
3. เฟ้นหาแต่สิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง
ในขณะนี้ชาวจีนประมาณ 50% กำลังมองหาข้อเสนอแสนแพงที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าวันนี้เราจะพบกับพฤติกรรมการการช็อปปิ้งของหนุ่มสาวชาวจีนที่มีความช่างเลือกมากขึ้น สินค้าทั่วไปที่หาได้ตามท้องตลาดที่เน้นการลดราคาให้ถูกเข้าไว้จะไม่สู้จะดึงดูดความสนใจได้เท่าสินค้าที่เน้นชูความปราณีต ความมีคุณภาพ ที่แม้ราคาจะสูงซักหน่อยก็ให้ความรู้สึกที่คุ้มค่า
อีกหนึ่งความเห็นของคุณแม่ลูกหนึ่งชาวจีนที่พึ่งมาเที่ยวที่เมืองไทยบอกว่า
“ใช่ คุณภาพที่ดีของสินค้าที่มีนวัตกรรม รวมถึงฟั่งชั่นการใช้งานที่พิเศษ แปลกใหม่นั้นดึงดูดความสนใจของฉันมาก แต่ในขณะเดียวกัน สินค้าท้องถิ่น ที่มีผู้ใช้แล้วบอกต่อกันว่าดีอย่างเช่นยาสมุนไพรพื้นบ้านจากเมืองไทย พวกเราก็ชอบมากๆ”
“จากประสบการณ์ของฉันแล้ว ชาวจีนอย่างเราชอบซื้อกระเป๋า และนาฬิกาจากฝั่งยุโรป หรือไม่ก็อเมริกา และถ้าเลือกได้ก็มักจะซื้อในร้านค้าที่ปลอดภาษี”
อีก 1 ตัวอย่างคือแบรนด์ Huawei ที่กำลังได้ส่วนแบ่งทางการตลาดของสินค้าฟุ่มเฟื่อยอย่างสวยงาม อย่างไรก็ดีแบรนด์ดังจากต่างชาติยังครองความเป็นผู้นำในตลาดสินค้า Premium อยู่ โดยแบรนด์ท้องถิ่นของจีนในกลุ่มของ Skincare, รถยนต์, อุปกรณ์กีฬา และแฟชั่น ยังไม่สามารถเจาะตลาดสินค้าชั้นสูงได้
ประมาณครึ่งถึงของชาวจีนมากกว่า 70 ล้านคนที่ออกเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วโลก มักจะซื้อกระเป๋า และนาฬิกาแบรนด์ดังจากต่างประเทศกลับมาเสมอ นอกจากนี้เสื้อผ้า และเครื่องสำอางยังคงเป็นสินค้ายอดนิยมที่มักจะถูกซื้ออยู่เรื่อยๆ
4. นิยมสัมผัสสินค้าจริงจากหน้าร้าน ก่อนสั่งซื้อออนไลน์
ถึงแม้จีนจะเป็นประเทศที่มีตลาด E-commerce ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผลประกอบการทั้งหมดประมาณ 615,000 ล้านบาทใน 1-2 ปีที่ผ่านมา (พอๆกับนำผลประกอบการของตลาด E-commerce ฝั่งยุโรบและอเมริการรวมกัน) แต่การมีหน้าร้านก็ยังจำเป็น! เพราะนักช็อปออนไลน์ชาวจีนส่วนใหญ่มักจะไปดูสินค้าที่ร้านค้า ก่อนทำการตัดสินใจสั่งซื้อ
5. ครอบครัว
อีก 1 เหตุผลว่าทำไมการมีหน้าร้านจึงได้รับความนิยมในจีน 2 ใน 3 ของชาวจีนเชื่อว่าการช็อปปิ้งเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการใช้เวลากับครอบครัว ซึ่งมีผู้เห็นด้วยในทำนองเดียวกันนี้มากขึ้นถึง 21% เมื่อเทียบกับ 3 ปีก่อน
การช็อปปิ้งที่ว่านี้รวมไปถึงการทานอาหารเย็น และการสัมผัสประสบการณ์สุดหรรษา จะเห็นได้ว่านอกจากการขยายตัวของธุรกิจโรงหนัง การเติบโตของสาขาซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำที่รวมร้านค้าอันหลากหลายยังเป็นสิ่งหนึ่งตอกย้ำว่าการมีหน้าร้านยังคงได้รับการตอบรับที่ดีเพียงใด
74% ของพวกเขาบอกว่า การไปเลือกซื้อสินค้าด้วยกันระหว่างสมาชิกในครอบครัวนั้น เป็นการช่วยกระชับสายสัมพันธ์ของครอบครัวได้ดีทีเดียว
45% จากทริปการเดินทางท่องเที่ยวทั้งหมดของคนจีนในปี 2015 เป็นทริปครอบครัว
เชื่อว่าจากข้อมูลทั้งหมด ทำให้เราได้ทำความรู้จัก และเข้าใจถึงค่านิยมของชาวจีนยุคปัจจุปันมากขึ้น ซึ่งปฎิเสธไม่ได้ว่าด้วยจำนวนของชาวจีน พร้อมกำลังทรัพย์ที่พร้อมจ่ายในทุกขณะ พวกเขาเองคือตัวกระตุ้นเศรษฐกิจโลกชั้นดีในขณะนี้
หากเจ้าของธุรกิจไทยรายไหนมีสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ หรือสามารถพัฒนาในสิ่งที่มีอยู่แล้วให้ตรงกับความต้องการของชาวจีนในยุคนี้ ก็สามารถตีตลาดจีนได้ไม่ยากจนเกินไปนัก โดยอาจจะลองศึกษาวิธีทำตลาดในจีน อาทิ Social media ที่ชาวจีนนิยมใช้ หรือการส่งออกเบื้องต้น เพราะอย่าลืมว่าในจังหวะนี้ ชาวจีนอยู่ในสภาวะพร้อมที่จะควักเงินหยวนอยู่ตลอดเวลา
References:
Meet the 2020 Chinese Consumer
Here comes the modern Chinese consumer