ประเทศจีน เตรียมผุดโครงการถนนอัจฉริยะความเร็วสูง เชื่อมต่อระหว่างเมืองหังโจว และหนิงป๋อ ระยะทาง 161 กิโลเมตร ต้อนรับการแข่งขันกีฬา เอเชี่ยนเกมส์ ในปี 2022 หังโจวเกมส์ ที่จีนจะเป็นเจ้าภาพ
ถนนเส้นนี้จะตัดผ่านเมืองเจ้อเจียง โดยจะมีการฝังระบบนำทาง และเทคโนโลยีเซนเซอร์ไว้บนถนน เพื่อเพิ่มความเร็วให้สูงถึง 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง นอกจากนี้ยังฝังระบบชาร์จไฟไว้ใต้ดินเพื่อสามารถทำงานควบคู่ไปกับรถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยผิวหน้าถนนบางส่วนจะเป็นแผงพลังงานโซล่าร์เซล
เซนเซอร์ที่ถูกติดตั้งบนถนนทุกตัวจะทำงานร่วมกันผ่านระบบคลาวด์เพื่อคอยดูแลรถยนต์ทุกคันแบบเรียลไทม์ ซึ่งทั้งหมดนี้จะคอยควบคุมรถยนต์ไร้คนขับให้วิ่งไปในช่องจราจรที่กำหนดไว้ และระบบจะควบคุมความเร็วรถไม่ให้ต่ำกว่า 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง
โดยความเร็วสูงสุดบนทางด่วนของจีนกำหนดไว้ที่ 120 กม./ชม. และความเร็วต่ำสุดกำหนดไว้ที่ 70 กม./ชม. ซึ่งมากกว่าค่าความเร็วเฉลี่ยที่ใช้จริงอยู่ประมาณ 30% โดยความเร็วเฉลี่ยนั้นอยู่ที่ 90 กม./ชม. เท่านั้น
โดยเจ้าหน้าที่ของ Zhejiang Province Department of Transport ผู้รับผิดชอบโครงการกล่าวว่า
“…ในเบื้องต้นเราต้องการเพิ่มความเร็วขึ้นอีก 20-30% ให้เข้าใกล้ 120 กม./ชม.ให้มากที่สุด โดยต้นแบบเป็นเทคโนโลยีของเยอรมันคือถนน Autobahns ที่ไม่จำกัดความเร็ว และถนนในอิตาลีที่ความเร็วสุงสุดอยู่ที่ 150 กม./ชม. ในระยะยาวเราต้องการไปให้ถึงระดับ 120 กม./ชม.ให้ได้…”
โดยอีกเป้าหมายหนึ่งของโครงการนี้คือ ต้องลดค่ามลพิษในอากาศให้ได้มากที่สุด เมื่อรถยนต์ไปถึงจุดหมายได้เร็วขึ้นก็จะมีเวลาปล่อยควันพิษได้น้อยลง และเป้าหมายคือต้องการเปลี่ยนให้เป็นรถยนต์ใช้ไฟฟ้าให้มากที่สุด และการขับเคลื่อนงานจราจรต้องเป็นไปอย่างลื่นไหลโดยอุบัติเหตุและการตายต้องเท่ากับศูนย์
โดยจีนได้เริ่มทดลองกับถนนต้นแบบในชานตง ความยาว 1 กิโลเมตร มีการฝังระบบไฟฟ้า แผงโซลาร์เซล และระบบนำทาง ซึ่งสามารถทำงานได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตามหลายฝ่ายยังแสดงความกังวลว่า ถนนลักษณะนี้จะเหมาะกับพฤติกรรมการขับขี่ของชาวจีนแน่หรือ หากรถที่วิ่งบนถนนอัจฉริยะนี้ ไม่ได้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไร้คนขับทั้งหมด แต่มีรถยนต์ที่ขับโดยคนที่ไร้วินัย ที่ขับช้าแช่ขวา หรือขับปาดไปมา ระบบจะตอบสนองอย่างไร และความเร็วที่ได้ จะทำได้อย่างที่หวังหรือไม่ ยังคงเป็นเรื่องที่ทางจีนจะต้องเตรียมรับมือต่อไปจนกว่าจะถึงปี 2022 อย่างไรก็ตามโครงการนี้ได้เริ่มนำร่องไปเรียบร้อยแล้ว และจะต้องเสร็จก่อนการเปิดการแข่งขันเอเชียนเกมส์อย่างแน่นอน
Source: