Nathan Resnick ก่อตั้ง Sourcify อย่างไร

Sourcify เป็นธุรกิจสตาร์ทอัพก่อตั้งโดย Nathan Resnick มีอาชีพเป็นพ่อค้าและพ่อค้าออนไลน์ขายสินค้านำเข้าจากจีนมาตั้งแต่อายุ 12 ปี ประสบการณ์ขายของออนไลน์จีนนับสิบปีทำให้เขามองเห็นปัญหาของคนขายของออนไลน์ และนำปัญหามาสร้างเป็นแนวทางแก้ไขในนาม Sourcify

Sourcify ทำงานอย่างไร

Sourcify เป็นธุรกิจ ซอฟต์แวร์ (Software) ที่มีลักษณะเป็น แพลทฟอร์ม (Platform) ได้แก่การมีผู้ใช้งานในฝั่ง Buyer และ Seller มาอยู่ภายใต้แพลทฟอร์ม ร่วมงาน หรือ ใช้งาน ผ่านแพลทฟอร์ม โดยเจ้าของแพลทฟอร์มมีรายได้จากค่าสมัครเป็นผู้ใช้งาน และ/หรืือ ค่าบริการเรียกเก็บจากการทำธุรกิจในแพลทฟอร์ม

กรณี Sourcify เป็นแพลทฟอร์มศูนย์รวม ผู้ผลิต ที่ผ่านการตรวจสอบและอนุมัติแล้วโดยมาตราฐานของ Sourcify มีทีมงานเข้าเยี่ยมชมโรงงาน พบหน้าผู้บริหาร และมีความสัมพันธ์อันยอดเยียมกับบุคคลากรและทีมบริหารของโรงงาน โดย Sourcify ชูจุดเด่นว่า รายชื่อในระบบเป็น ผู้ผลิต 100% เมื่อเทียบกับ Alibaba ที่เป็นศูนย์รวม Supplier จำนวนมากแต่หลายรายเป็น พ่อค้าคนกลาง รวมไปถึงไม่สามารถเข้าควบคุมคุณภาพถึงตัว Supplier ที่อยู่ในระบบได้

Sourcify มีระบบ Project management ในตัว หลังจาก ผู้ซื้อ (ผู้ต้องการสั่งผลิตสินค้า) ได้ ผู้ผลิตที่ต้องการแล้ว สามารถสื่อสารการทำงานผ่านแพลทฟอร์มจนสินค้าแล้วเสร็จโดยมีระบบ Tracking ติดตามสถานะต่าง ๆ และทีมงานฝ่ายซัพพอร์ตที่เชี่ยวชาญภาษาจีนคอยสนับสนุน

Nathan Resnick ผู้ก่อตั้งเคลมว่า แพลทฟอร์มของเขาช่วยให้ ผู้ซื้อ ได้รับผลิตภัณฑ์เร็วกว่าการประสานงานด้วยตัวเองโดยไม่มีระบบถึง 8 เท่า และลดต้นทุนการผลิตให้ผู้ซื้อได้ถึง 32% เพราะเป็นการดีลตรงกับผู้ผลิตและไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง

Nathan Resnick คือใคร

Nathan Resnick เริ่มทำการค้าตั้งแต่อายุ 12 ปี โดยการสรรหาสินค้าประเภทเครื่องประดับจากจีนนำเข้ามาขายเพื่อน ๆ ที่โรงเรียน เขาหลงใหลตลาดสินค้าจีนจนตัดสินใจเข้าร่วมโครงการการศึกษาต่างประเทศที่วิทยาลัยจัดขึ้น โดยเขาเลือกไปศึกษาต่อที่ กรุงปักกิ่ง-ประเทศจีน และใช้เวลาว่างที่เขามีในการเรียนรู้ธุรกิจ และสร้าง Connection กับพ่อค้าชาวจีนจนมีความเชี่ยวชาญในเรื่อง Supply chain ต่าง ๆ ในประเทศจีนอย่างล้ำลึก

Nathan Resnick ก่อตั้ง Sourcify อย่างไร

Nathan Resnick ประกอบธุรกิจในสถานะพ่อค้าตั้งแต่เป็นนักเรียน High school ในสหรัฐฯ (และเข้าร่วมโครงการเรียนต่อที่ประเทศจีนอีก 1 ปี) จนกระทั่งจบมหาวิทยาลัย University of San Diego ในปี 2016 รวมแล้วเป็นพ่อค้าแบบซื้อมาขายไปนับ 10 ปี มีประสบการณ์ขายสินค้าสารพัดชนิด โดยเน้นไปที่ Accessories และ เครื่องประดับต่าง ๆ

จากการติดต่อประสานงานการสั่งซื้อสินค้ากับ ผู้ขาย (Supplier) ในจีนเป็นเวลานานทำให้เขาพบปัญหาหลัก ๆ ในการทำธุรกิจสั่งซื้อสินค้าจากจีนและส่งออกมายังประเทศปลายทาง ได้แก่

  • ความยากในการสรรหา ผู้ขาย ที่เชื่อถือได้
  • ความยากในการสื่อสารกับ ผู้ขาย ต่างชาติ (กรณีนี้คือคนจีีน)
  • ความยากในการบริหารการประสานงานตั้งแต่ขั้นตอนผลิตจนของมาถึง
  • และต้นทุนทั้งเงินและเวลาที่บานปลายจากปัญหาที่กล่าวมาทั้งหมด

เขาจึงนำประสบการณ์ทั้งหมดมาสร้าง ระบบการทำงาน และ บรรจุลงเป็น ซอฟต์แวร์ภายใต้แพลทฟอร์มที่ชื่อ Sourcify โดยมีส่วนที่เป็นฐานข้อมูล ผู้ขาย ที่เชื่อถือได้ พร้อมระบบการประสานงานผ่านแพลทฟอร์มด้วยซอฟต์แวร์ Project management และทีม Customer support ที่เป็นคนในพื้นที่ (จีน) คอยให้ความช่วยเหลือเมื่อมีปัญหาต่าง ๆ

สรุปสิ่งที่เรียนรู้จาก Nathan Resnick

มีรายได้หลักก่อนเริ่มสร้างแพลทฟอร์ม

โมเลธุรกิจ แพลทฟอร์ม อาทิ AirBnB, Uber, Ebay, Amazon, Udemy, Ookbee, SkillLane, และ Lazada เป็นต้น ฯลฯ คือโมเดลธุรกิจแพลทฟอร์ม เป็นโมเดลที่หลายคนฝันอยากมีเพราะความเชื่อว่าเมื่อมันติดตลาดแล้วจะสร้างรายได้แบบ Passive income เป็นเงินจำนวนมหาศาล

แต่ธุรกิจโมเดล แพลทฟอร์ม ต่างจากโมเดล ซื้อมาขายไป คือมันจะไม่ทำเงินทันที ต้องอาศัยเวลาในการสร้างการรับรู้และการเติบโตฐานผู้ใช้งาน และความยากคือต้องขยายฐานผู้ใช้ทั้งสองฝั่ง ได้แก่ ผู้ซื้อ และ ผู้ขาย ไปพร้อมกันอย่างลงตัว เพราะ หากไม่มีผู้ซื้อ ก็จะไม่มีผู้ขายอยากมาใช้ระบบ และหากผู้ขายไม่มากพอที่จะสร้างความหลากหลาย ก็จะไม่มีผู้ซื้อสนใจอยากมาใช้ระบบ

กระบวนการเหล่านี้ใช้เวลาเป็นปีและระหว่างนี้ ผู้ก่อตั้งจะยังไม่มีรายได้อยากแพลทฟอร์มตัวเอง นั่นคือเหตุผลที่ สตาร์ทอัพสายแพลทฟอร์มส่วนใหญ่ต้องมีนายทุน

แต่ในกรณี Nathan Resnick มีรายได้หลักมาก่อนแล้วนับสิบปีจากการเป็นคนขายของออนไลน์ และเขาทำเงินได้จำนวนมากจากธุรกิจหลัก จึงสามารถนำทุนมาพัฒนาธุรกิจใหม่ที่เป็นแพลทฟอร์มและยังมีเงินมาหล่อเลี้ยงทั้งธุรกิจเดิม ธุรกิจใหม่ และชีวิตส่วนตัวได้อย่างไม่กดดันจนเกินไป

เริ่มทดลองตลาดด้วยตัวเอง

แทนที่จะทุ่มเงินไปกับการจ้างทีมงานหัวกะทิแบบเต็มอัตรา และลงทุนกับซอฟต์แวร์ด้วยเงินมหาศาลเหมือนสตาร์ทอัพหลายรายในตลาด Nathan Resnick กลับเลือกที่จะเริ่มทดลองตลาดด้วยการทำงานแบบ Manual

เขาเริ่มจากการออกแบบ Template และ Process ในการทำงาน จากนั้นหาลูกค้าไม่กี่รายมาเพื่อให้เขาทดสอบระบบโดยเก็บเงินพวกเขาในราคาถูก จากนั้นเขาทำการติดต่อประสานงานกับ ผู้ผลิตในจีน ด้วย Template และ Process ด้วยตัวเองเพื่อพิสูจน์ว่ามันใช้ได้

จนกระทั่ง Nathan Resnick พบว่ากระบวนการและรูปแบบการติดต่อเหล่านี้ใช้ได้ผล เขาจึงเริ่มคิดสร้างซอฟต์แวร์และระบบขึ้นมาเพื่อช่วยให้กระบวนการทำงานเหล่านี้สามารถเข้าสู่ระบบ Automation โดยซอฟต์แวร์ได้

ซอฟต์แวร์คือคำตอบของธุรกิจที่อยากโต

ธุรกิจที่เติบโตและมีชือเสียงอันดับต้น ๆ ของโลกทุกวันนี้ล้วนเป็นธุรกิจที่เคยขึ้นชื่อ หรือปัจจุบันก็ยังขึ้นชื่อว่าเป็น สตาร์ทอัพ และ ธุรกิจสตาร์ทอัพแทบทั้งหมดล้วนข้องเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ นี่คือ คำตอบเดียวของการเติบโต

สำหรับ Sourcify หากเขาไม่นำซอฟต์แวร์มาใช้ บริษัทของเขาก็ไม่ต่างจาก Consulting company แบบดั้งเดิม หรือไม่ก็ Trading company ที่มีรายได้มาจากการกินส่วนต่างระหว่าง ผู้ผลิต และ ผู้ซื้อ

แต่เพราะมองเห็นโอกาสและเทรนด์ในอนาคตว่าหลาย ๆ กิจการที่ดำเนินธุรกิจด้วยโมเดลเก่า ๆ เช่น ซื้อมาขายไป (Pipe-line model) หรือ บริการที่อาศัยคน (Specialist services) ที่สุดแล้วจะถูกแทนที่ด้วยบริษัทที่พัฒนาซอฟต์แวร์ และ ปัญญาประดิษฐ์ ในที่สุด

————————

External resources:

https://trysourcify.com/en-US/

https://www.linkedin.com/in/nathanresnick

https://www.entrepreneur.com/article/305614

https://www.influencive.com/startup-turning-600-billion-dollar-manufacturing-industry-head/