Lei Jun (เหลย จุน) ผู้ก่อตั้ง และ CEO ของ Xiaomi ประกาศว่า บริษัทของเขาจะกลับมาเป็นอันดับหนึ่งในตลาดสมาร์ทโฟนของจีนให้ได้ภายใน 10 ไตรมาส (30 เดือน หรือ 2 ปีครึ่ง) หลังจากที่ ปี 2017 ที่ผ่านมาสามารถสร้างปรากฏการณ์ทำยอดขายได้ถล่มทะลาย กลายเป็นปีทองของ Xiaomi ซึ่งการที่จะได้รับชัยชนะตามที่เหลย จุน ประกาศไว้ บริษัทจำเป็นที่จะต้องจ้างพนักงานเพิ่มขึ้นจำนวนมากเพราะต้องรบกันในสมรภูมิแดงเดือด
ปี 2017 นับได้ว่าเป็นปีที่น่าถึงของเสียวหมี่ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะหล่นจากการจัดอันดับลงมา เพราะในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ยอดขายลดลงทั่วโลก 6.3% แต่ถ้าเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เสียวหมี่มียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 96.9% เลยทีเดียว โดยมียอดขายสมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นถึง 75% โดยมีการเปิดตัวรุ่นใหม่คือ Mix Mix 2 และขยายตลาดสู่ระดับสากลด้วยการผลักดันเข้าสู่ตลาดสเปน และทำยอดขายมหาศาลในตลาดอินเดีย อินโดนีเซีย และรัสเซีย โดยในปี 2017 นี้ เสียวหมี่ เป็นผู้ผลิตอันดับ 5 ของโลกที่ผลิตมือถือมากที่สุด และเป็นอันดับ 4 ของโลกในด้านยอดขาย สร้างยอดขายกว่า 1แสนล้านหยวน
โดยเป้าหมายของ เหลย จุน คือต้องการนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ และให้เป็นการเปิดขายหุ้น IPO ของบริษัทเทคโนโลยีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในปีนี้ เหลย จุน มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม เนื่องจาก Xiaomi ใช้เวลาเพียง 7 ปี ในการสร้างยอดขาย 1แสนล้านหยวน ในขณะที่ Apple ใช้เวลา 20ปี Google ใช้เวลา 9 ปี Tancent ใช้เวลา 17ปี Huawei ใช้เวลา 21 ปี “และไม่เพียงเท่านั้น ในปีนี้เรายังมีโอกาสที่งดงามที่จะได้เข้าร่วมในรายชื่อ 500 บริษัทชั้นนำของโลกอีกด้วย” เหลย จุน แถลงผ่านจดหมายเปิดผนึกของเขา
เบื้องหลังความสำเร็จนี้มาจากการที่เหลย จุน ทุ่มเทวิจัยพัฒนา ชิปเซ็ตของตนเอง และ IoT (Internet of Thing) และระบบ AI “เสียวหมี่ กำลังตะหนักถึงการก้าวกระโดดจาก เมดอินไชน่า (Made in China) ไปสู่ ดีไซน์อินไชน่า (Designed in China) ซึ่งผลงานในปีที่ผ่านมาแสดงถึงชัยชนะของ วิถ๊แห่งเสียวหมี่ และ คุณค่าของเสียวหมี่” เหลย จุน กล่าว
“พันธกิจใหม่สำหรับปี 2018 ได้เริ่มขึ้นแล้ว : เราจะเป็นผู้บุกเบิกในตลาดโลกและเป็นผู้นำในบ้านของเราเอง” เหลย จุน อธิบายว่า ในปี 2018 นี้ จะเป็นรากฐานแห่งชัยชนะในอนาคต และนั่นเป็นเหตุผลที่ Xiaomi มีเป้าหมายใหม่ในการเป็นอันดับ 1 ใน ประเทศจีน ภายใน 30เดือน แม้จะห่างหายจากการเป็นอันดับ 1 มาตั้งแต่ปี 2014 ก็ตาม
Source:
