Atomic Habits : เก่งขึ้น 37 เท่าภายในหนึ่งปี แค่ทำแบบนี้วันละ 1%

คุณ James Clear เจ้าของผลงานหนังสือขายดีระดับโลก Atomic Habits เสนอว่า การพัฒนาตัวเองที่ให้ผลลัพธ์สูงมีหัวใจสำคัญอยู่ที่ ‘ความสม่ำเสมอ’ และ โดยอาศัยหลัก Compounding หรือ อัตราทบต้น มาคำนวณผ่านสมการของเขา ทำให้ค้นพบว่า คุณสามารถเก่งขึ้นได้ถึง 37 เท่าภายใน 1 ปี จากการแบ่งเวลาฝึกฝนทักษะใด ๆ ก็ตามเพียง 1% หรือประมาณ 30 นาทีต่อวัน เท่านั้น



คุณ James Clear อธิบายไว้ในงานเขียนของเขาถึงสาเหตุที่ มนุษย์ส่วนใหญ่ล้มเหลวต่อการฝึกฝนและพัฒนาตัวเอง เช่น การออกกำลังกาย, การลดน้ำหนัก, และการฝึกทักษะใหม่ ๆ เพราะขาดความต่อเนื่องสม่ำเสมอ โดยสาเหตุสำคัญที่ทำให้มนุษย์ขาดความต่อเนื่องสม่ำเสมอ เกิดจากการทำงานของ ‘Brain’s reward system’

กล่าวคือ

สมองของมนุษย์คุ้นชินกับกิจกรรมที่ทำแล้วได้ผลลัพธ์ทันทีมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ และเมื่อเราได้ผลลัพธ์ สมองจะหลั่งสารโดพามีน ซึ่งจะทำให้มนุษย์มีความสุขมาก ความรู้สึกดี ๆ เหล่านี้ก็จะยิ่งทำให้สมองสั่งให้เราโหยหากิจกรรมที่ได้ผลลัพธ์เร็ว ๆ เพื่อที่ได้รับสารโดพามีนเป็นรางวัลตอบแทนซ้ำ ๆ และบ่อย ๆ

และกิจกรรมที่ให้ผลลัพธ์รวดเร็วทันตาในปัจจุบัน ก็มักหนีไม่พ้นเรื่อง กิน ดื่ม เที่ยว ดูหนัง ฟังเพลง เป็นต้น ฯลฯ แต่สำหรับกิจกรรมพัฒนาตัวเองนั้น ไม่อาจเห็นผลภายในวันสองวัน หรือแม้แต่เดือนสองเดือน สมองของคุณจึงไม่ชอบกิจกรรมเหล่านี้ นั่นเอง

อย่างไรก็ดี

คุณ James Clear มีกรณีศึกษามากมายนำไปสู่กลวิธีในการแฮ็กสมองเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองให้กลายเป็นคนใหม่ ที่เลิกพฤติกรรมดังกล่าว และหันมาเป็นนักสร้างผลลัพธ์ โดย CEO Channels สรุปมาให้ 4 ข้อ จำง่าย ทำง่าย เอาไปใช้ได้เลย ดังนี้ :

1. เจรจากับสมองตัวเองว่า ขอแค่วันละ 30 นาที

ด้วยความที่สมองคนเรามันมีความขี้เกียจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หากมีใครสักคนมาบอกกับคุณว่าถ้าอยากสำเร็จต้องฝึกฝนตามกฏ 10,000 ชั่วโมง แค่สมองได้ยินคำว่า 10,000 ชั่วโมง สมองก็จะบอกกับคุณว่ากลับไปดูซีรีย์อย่างเดิมดีกว่า

ดังนั้นให้เปลี่ยนมาเจรจากับสมองของคุณด้วยเทคนิคแบบ Atomic Habits คือ ขอฝึกฝนทักษะใหม่ ๆ แค่วันละ 30 นาทีเท่านั้น แล้วอีก 1 ปีต่อจากนี้เราจะเก่งขึ้นอีกถึง 37 เท่า

ข้อ 2 สร้างสภาพแวดล้อมที่ทำให้คุณปฏิเสธที่จะทำได้ยาก

กรณีศึกษาจาก ดอกเตอร์ แอน ธอร์นด์ไลค์ แพทย์ที่ต้องดูแลผู้ป่วยที่เข้าแอดมิทในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ประสบปัญหาผู้ป่วยฝ่าฝืนข้อห้ามดื่มน้ำอัดลม

เมื่อบังคับผู้ป่วยไม่ได้ เธอจึงทดลองย้ายตู้น้ำอัดลมไปไว้ไกล ๆ และเพิ่มจำนวนน้ำเปล่าวางไว้หลาย ๆ จุดทั่วโรงอาหารผู้ป่วย และผลลัพธ์ที่ได้ คือ ยอดจำหน่ายน้ำอัดลมลดลง 11% และยอดจำหน่ายน้ำเปล่าเพิ่มขึ้น 25%

Atomic Habits เรียกกลวิธีนี้ว่า Reducing friction

คุณสามารถใช้กลวิธี Reducing friction โดยการนำอุปกรณ์ที่ต้องใช้ฝึกฝนตัวเองมาวางไว้ในที่ ๆ มองเห็นและหยิบฉวยได้ง่าย เช่น ตั้งไว้กลางบ้าน และไม่ว่าคุณจะอยู่มุมไหนของบ้านก็จะมองเห็นอุปกรณ์เหล่านั้นเสมอ เหลือแค่พาตัวเองไปหยิบจับมันขึ้นมาฝึกฝน

ข้อ 3 สร้างกฏการให้รางวัลตัวเอง

ปกติเมื่อ สมอง เดินมาเจอทางแยกระหว่าง ฝึกฝน กับ ดูซีรีย์ แน่นอนว่าสมองจะต้องเลือกดูซีรีย์ก่อน และเมื่อคุณยอมให้มันดูซีรีย์ มันจะพาคุณดูซีรีย์ไปตลอดทั้งวันโดยไม่กลับมาฝึกฝนอีกเลย

คุณสามารถแก้ด้วยวิธี ‘สร้างกฏการให้รางวัลตัวเอง’

เช่น คุณร่างสัญญาส่วนตัวว่าจะต้องฝึกฝนตามตารางที่กำหนดไว้ ให้ได้จำนวนที่คุณเคยเจรจากับสมองว่า ขอแค่วันละ 30 นาที หากฝึกฝนเสร็จแล้ว จะให้รางวัลโดยการพาไปดูซีรีย์

ข้อ 4 สร้างกฏการลงโทษตัวเอง

นักธุรกิจชื่อ คุณ Bryan Harris แชร์ประสบการณ์การใช้กฏนี้กับกรณีลดน้ำหนัก โดยเป้าหมายของเขา คือ ต้องการลดน้ำหนัก 90 กิโลกรัม

ในแต่ละวันจะมีตารางกิจกรรมและตารางโภชนาการที่เขาต้องทำให้สำเร็จ และหากเขาทำภารกิจไม่สำเร็จตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ เขาจะต้องจ่ายเงินค่าปรับให้กับเทรนเนอร์จำนวน 100 ดอลล่าร์ และให้ภรรยาของตนเองอีก 500 ดอลล่าร์

คุณ Bryan Harris บอกว่าวิธีการนี้ใช้ได้ผล แต่มิใช่เพราะเขากลัวเสียเงิน แต่เพราะเขากลัวถูกตำหนิจากเทรนเนอร์ และกลัวอับอายภรรยา จึงดูเหมือนว่า กรณีนี้ เขาจะกลัวโดนด่า และกลัวอับอาย มากกว่ากลัวเสียเงิน

และนี่คือ 4 Tips เก่งขึ้น 37 เท่าภายในหนึ่งปี จากทำสิ่งเหล่านี้วันละ 1% ที่กลั่นบางส่วนมาจากหนังสือขายดีระดับโลก Atomic Habits