ครึ่งปีนายตัวเอง: 5 สิ่งที่เสียไปและ 2 สิ่งที่ได้มา ไม่ใช่เรื่องเงินด้วยนะเอ้อ!

Boy floats on a boat with a sail

[quote]เป็นลูกจ้างเขา เข้าออกงานตามเวลาไม่มีอิสระ ทำงานตามหน้าที่เพราะเป็นคำสั่ง อีกทั้งเขาจ้างเรามาแค่นี้ บริษัทจะมีกำไรมากแค่ไหนก็เราก็ได้แค่นี้ ไม่อยู่แม่งแล้ว ทำให้คนอื่นรวยอยู่ได้ ลาออกไปเป็นนายตัวเองดีกว่า![/quote]

ผมเชื่อว่าคนทำงานประจำแทบทุกคนคงเคยมีเสี้ยวความคิดแบบนี้ ความคิดที่บอกว่า “ทำให้คนอื่นรวย

ไม่ผิดที่จะแอบคิดแต่ก็ไม่ถูกต้องเสียทีเดียวที่จะคิดว่าการทำงานประจำเป็นการทำให้คนอื่นรวย เพราะผู้ประกอบการลงทุนมากกว่าเรานะ เขาเป็นคนจัดสรรทรัพยากรต่างไว้เป็นอันมากโดยที่เราทำด้วยตัวเองไม่ได้ เราเพียงนำตัวเองเข้าไปบรรจุในระบบและทำงานตามโปรแกรมที่เขาวางมา และคุณก็ได้ผลตอบแทนตามค่ากำหนดของระบบ

เหตุผลสำคัญที่คุณจะไม่อยากทำงานประจำและอยากลาออกไปเป็นนายตัวเองคือ คุณมีคุณค่าบางอย่างที่จะส่งมอบให้กับโลก และ คุณเชื่อว่าคุณค่านั้นจะสร้าง Impact ให้โลกนี้ได้

นี่คือหลักคิดสำคัญที่คุณจะต้องมี หาใช่แค่เรื่องรวย เพราะในความเป็นจริงการลาออกไปเป็นนายตัวเองอาจไม่ได้รวยและไม่ได้สบายอย่างที่คุณคิด และนี่คือ 5 สิ่งที่ผมเสียไปจากครึ่งปีนายตัวเอง

1. ความมั่นคง

ธุรกิจส่วนตัวเต็มไปด้วยปรากฏการณ์ที่ยากจะคาดเดา นี่คือความรู้สึกที่หลอกหลอนและทำให้ผมจิตตกที่สุดในสองสามเดือนแรกที่ลาออกจากงานประจำ

ผมทำงานกินเดือนประจำมาสิบปี แล้วจู่ๆวันหนึ่งผมก็ไม่มีเงินเดือน ผมไม่รู้ว่าสิ้นเดือนนี้ผมจะได้เงินเท่าไร แล้วเดือนหน้าล่ะจะได้เท่าไร แล้วมันจะมีเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมเกิดขึ้นมากระทบกับผมไหม?

แม้ก่อนลาออกผมจะวางแผนและปูทางมานานเป็นปี ผมวาดแผนและประมาณการณ์รายได้เป็นฉากๆ แต่พอถึงเวลาจริง แม่มเอ๊ย! มันไม่พริ้วไปตามแผนเลยแหะ! — เซอร์ไพรซ์เกิดขึ้นได้ตลอด แต่ละช่วงเวลาจะมีอะไรมาให้คุณได้ปรับเปลี่ยนเสมอ

ผมเข้าใจเลยว่าสมัยก่อนทำไมหัวหน้าถึงชอบเปลี่ยนแผนและเร่งเอางานแผนใหม่ในเวลากระชั้นชิด เพราะเจ้าของเขาเปลี่ยนมาอีกที โลกของนายตัวเองมีพลวัตรสูงมาก เร็วคือเร็ว และต้องเร็วได้อีก

2. เวลาพัก… ไม่มี๊!

ตอนทำงานประจำ เวลาทำงานคือทำงาน เวลาพักอย่ามายุ่งกับกรู 555+
มนุษย์ออฟฟิศบางคนหวงเวลาส่วนตัวมาก เบอร์มือถือส่วนตัวไม่ให้ใคร วันหยุดอย่ามายุ่งกับฉัน ฉันหยุดคิดทุกอย่างที่เกี่ยวกับงาน

สำหรับผู้ประกอบการ งานตลอดเวลาครับ สมองนายตัวเองจะคิดตลอดเวลา คิดถึงโอกาสใหม่ๆ คิดถึงสิ่งที่จะทำ คิดถึงแผนงาน และการคาดการณ์ผลลัพธ์ คิดยันนอน นอนแล้วตื่นมาคิดต่อ

เจ้านายเก่าผมที่เป็นเจ้าของกิจการ ขนาดไปเที่ยว Company trip ยังชวนคุยเรื่องธุรกิจเลยครับ! ถ้าคุณเป็นมนุษย์ออฟฟิศชิวๆ แล้วมาเจอชีวิตแบบนี้จะรับได้ไหม? นี่แหละผมเป็นอยู่

3. หมดกันวันบันเทิง

สมัยทำงานประจำ ทำงานหนักแล้วให้รางวัลกับตัวเองบ้าง
สาวๆ ก็คงเป็นการช็อปปิ้ง ส่วนหนุ่มๆ ก็เข้าบาร์ปาร์ตี้ดริ้ง คืนหนึ่งหมดกันไปหลายพันเลย

แต่พอเป็นนายตัวเองเรื่องแบบนี้ไม่อยู่ในหัว ทุกวินาทีมีค่าเกินกว่าจะไปสัมมะเลเทเมาและหมดเงินไปกับเรื่องที่ไม่สร้าง ROI (Return on Investment) โหะ! คำนวณกันเป็นหลักการลงทุนเลยครับ

พอเริ่มเป็นนายตัวเอง คุณเห็นคุณค่าของเวลามากขึ้น เพราะเวลาทุกดอกเป็นเงินเป็นทอง การนัดเจอเพื่อนฝูงต้องหมายถึงการต่อยอดใหม่ๆ เช่น ไปแล้วได้คุยไอเดียใหม่ๆ ได้งานใหม่ๆ ฯลฯ แต่จะให้ไปเที่ยวเฮฮาปาร์ตี้นั้นคงจะไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงแรกที่ชีวิตไม่มีเงินเดือนแล้วมันทำเหมือนสมัยก่อนไม่ลงจริงๆครับ

4. รายได้น้อยกว่างานประจำก็มีนะ

ผมวางแผนและลงมือทำอาชีพส่วนตัวคู่งานประจำจนมีรายได้ส่วนตัวสูงกว่าเงินเดือนจึงลาออก แต่กว่ารายได้จากงานส่วนตัวจะมากกว่าก็ต้องใช้เวลาอยู่หลายเดือน และก็ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นแบบนี้ บางคนในบางธุรกิจเริ่มต้นใหม่ๆ รายได้สุทธิอาจตกถึงเจ้าของน้อยกว่าตอนกินเงินเดือนเป็นเวลานานมาก ธุรกิจสตาร์ทอัพบางรายในต่างประเทศใช้เวลา 5-10 ปีในการคืนกำไรให้แก่เจ้าของ

เจ้าของธุรกิจเหล่านี้ต้องอาศัยเงินจากนายทุนและเงินของตัวเองในการบริหารธุรกิจไปจนถึงจุดที่ธุรกิจเริ่มผลิดอกออกผล ไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจออนไลน์

เพื่อนผมบางคนทำอีคอมเมิร์ซเต็มรูปแบบ ที่ไม่ใช่แค่การเปิดเฟซบุ๊คเพจแล้วฟลัดเพจด้วยรูปสินค้าแล้วรับออเดอร์ผ่านกล่องข้อความเฟซบุ๊คอะไรอย่างนั้น เขาทำระบบอีคอมเมิร์ซหน้าตาสวยงาม มีระบบตะกร้าจ่ายออนไลน์ มีเนื้อหา Content marketing อย่างดี มีระบบ Shipping เป็นเรื่องเป็นราว ทั้งหมดนี้ใช้เวลาพัฒนาเป็นเดือนๆ และกว่าจะมียอดขายและกำไรมากพอต่อการเลี้ยงชีพจากเว็บไซต์เพียวๆ ก็กว่าครึ่งปี เป็นต้นครับ

5. ต่อสู้กับ Comfort Zone

Comfort zone หรือ พื้นที่สบาย เป็นพื้นที่ของผมตอนเป็นมนุษย์เงินเดือน “หน้าที่กูมีเท่านี้ เวลาทำงานกูเท่านี้ นี่วันหยุดกู” ผมมี Zone เหล่านี้ที่สามารถหยิบยกมาไฟต์กับทุกคนที่มาแหย่ Comfort Zone ของผม…

แต่วันที่คุณเป็นนายตัวเอง ถ้าคุณอ่อนข้อให้ Comfort zone คุณรอวันตายได้เลย เพราะ Comfort zone จะทำให้คุณเสียวินัย ในขณะที่จากนี้ไปจะไม่มีใครมาสั่งให้คุณทำงานได้นอกจากตัวคุณเองที่จะต้องลากตัวเองขึ้นมาทำภารกิจต่างๆ

คุณจะได้เรียนรู้ที่จะลงมือทำในสิ่งที่ต้องทำไม่ว่าคุณจะอยากทำหรือไม่ก็ตาม คุณจะต้องทดลองทำสิ่งใหม่ๆ ต้องกล้ามอบความไว้วางใจกับคนร่วมงานเพื่อการกระจายอำนาจและการบริหาร คุณจะต้องเรียนรู้ที่จะสื่อสารกับผู้คนที่หลากหลาย ฯลฯ อีกมากมาย

ที่ว่ามาทั้งหมด แล้วการเป็นนายตัวเองมีดีอะไร?

ผมขอข้ามเรื่องเงิน เพราะทุกคนรู้ดีอยู่แล้วว่าเมื่อถึงจุดทำเงินของธุรกิจ รายได้มันเยอะกว่างานประจำแน่นอน แต่ประสบการณ์หลายอย่างที่ได้จากการเป็นนายตัวเองนั้นมหัศจรรย์ยิ่งกว่าเรื่องเงินครับ

อิสรภาพในการทำงานที่รัก

วันนี้ผมรู้ซึ้งแล้วว่าแท้จริงคนเราไม่ได้ขี้เกียจ แต่ที่คุณไม่อยากตื่นไปทำงานเพราะคุณไม่ชอบงานที่ทำ! คนเราแสวงหาเวทีในการสร้างสรรค์ผลงาน คุณจะรู้สึกมีคุณค่าและเติมเต็มเมื่อคุณได้ใช้ศักยภาพในการทำงานอย่างเต็มที่และเกิดผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้จากการเป็นนายตัวเอง

เมื่อคุณได้ทำสิ่งที่คุณอยากทำ เมื่อคุณได้เห็นผลงานของตัวเองปรากฏออกสู่ตลาด ได้คอนเนคกับผู้คนที่มี Passion เดียวกันในโลกธุรกิจ งานมากงานหนักก็ไม่รู้สึกว่านี่คือการทำงาน มันเหมือนการตื่นขึ้นมาในแต่ละวันเพื่อพบกับการผจญภัย

เรียนรู้ที่จะยิ่งโตยิ่งถ่อมตน

เจ้านายเก่าที่เป็นเจ้าของบริษัทบอกผมสมัยที่ผมเป็นลูกจ้างแก…แกบอกว่า

ยิ่งเติบโตจงยิ่งทำตัวเหมือนต้นข้าว
ข้าวแก่ที่มีเมล็ดสุกงอมพร้อมเก็บเกี่ยวกับโค้งลงดิน
คนเราก็เช่นกัน ยิ่งเก่ง ยิ่งควรทำตัวอ่อนน้อมเข้าไว้

ตอนนั้นผมไม่เข้าใจนะ แต่ภายหลังผมเจอคนเก่งๆ มากมายที่เป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน แล้วผมก็รู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งเก่งยิ่งถ่อมตนยิ่งคบหา พอเราชอบเขา เราก็อยากร่วมงานหรือร่วมแบ่งปันข้อมูลกับเขา!

ถึงคราวที่ผมเป็นนายตัวเองบ้างผมจึงเข้าใจมากขึ้นว่าไม่มีใครเก่งทุกอย่าง แต่เราต้องการคนเก่งในด้านต่างๆ มาช่วยเราทำงาน และคนทุกคนต้องการการยอมรับหรือ Appreciation ถ้าอยากให้คนรัก เราจง Appreciate เกียรติผู้อื่น

นี่คือ 2 สิ่งที่ผมได้มาใน 6 เดือนนี้ ถือว่าเป็นการเรียนรู้ชีวิตที่ดีมากๆ และไม่อาจคิดได้ตอนทำงานประจำ แม้เจ้าของกิจการจะเตือนสติผมด้วยตัวของแกเอง

คนทั่วไปอาจคิดว่าการลาออกมาก็เพื่อมาทำให้ตัวเองรวย! รวยๆ สบายๆ งานน้อยๆ
ฉะนั้นมันฟังดูตลกแต่จริง หากผมจะบอกว่าอย่าเอาคิดถึงเรื่องเงินมากเกินไปถ้าคุณกำลังจะลาออกมาเป็นนายตัวเอง เพราะมันจะทำให้คุณหลุดโฟกัสจากภารกิจหลักนั่นคือสร้างธุรกิจที่มีคุณค่ากับตลาด เงินได้แน่เมื่อคุณทุ่มเทจริงจังที่จะส่งมอบคุณค่าที่เหมาะสมกับตลาด แต่สิ่งที่มันประเมินค่าไม่ได้จริงๆ คือประสบการณ์จากการได้เห็นโลกมุมใหม่ที่จะทำให้คุณเป็นคนที่ดีขึ้นในทุกๆวัน