Jordan Fried เรียนจบ ทำงานหนึ่งปี หนีเที่ยวรอบโลก ไม่ต้องรอให้รวยก็รวยได้กับวิถีรวยแบบ The New Rich

JF01

ใครเป็นแฟนคลับหนังสือ The 4-Hour Work Week ของ Tim Ferriss ต้องคุ้นเคยกับคำว่า The New Rich เป็นวิถีของคนรวยรุ่นใหม่ที่ผมขอเรียกเอาเองว่า ไม่ต้องรอให้รวยก็รวยได้

Tim Ferriss มองว่าความร่ำรวยจะไร้คุณค่าถ้าคุณหาอิสรภาพทางเวลาให้กับชีวิตไม่ได้ ดังนั้นเจ้าของกิจการแบบ Traditional business หรือ เถ้าแก่เฝ้าร้าน ที่ต้องคุมงานทั้งวันทุกวันไม่ใช่คนรวยในมุมมองของ Tim Ferriss

เขามองว่าคนรวยอย่างสมบูรณ์แบบต้องเป็นคนที่มีธุรกิจที่สร้างรายได้ต่อเนื่องโดยคุณไม่ต้องอยู่ในระบบตลอดเวลา

ในแง่ของเม็ดเงิน คุณก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมีรายได้เป็นร้อยล้านพันล้านแบบ Fortune 500 Company อะไรพวกนั้น ขอเพียงคุณมีรายได้พอเพียงมีใช้เหลือเก็บและมีเวลาให้แก่ชีวิตตัวเองมากโดยไม่ต้องลำบากทำงานทั้งวันนั่นคือ The New Rich

ในเมื่อความรวยไม่ได้หมายถึงเงินร้อยล้านแต่หมายถึงความพอเพียงพร้อมกับเวลาอันเหลือเฝือตามแนวคิด The New Rich จึงก่อให้เกิดคนรวยโผล่ขึ้นมากมาย เพราะหลายคนมีคุณสมบัติเข้าขั้น รวมไปถึงหนุ่มน้อยวัย 25 ปีคนนี้ Jordan Fried

เรียนหนังสือทั้งชีวิต เพื่อจบมาเป็นลูกจ้างแค่ปีเดียว

Jordan Fried อาศัยและเรียนหนังสืออยู่ในประเทศฮังการี ก่อนเรียนจบเขาก็มีความรู้สึกคล้ายบัณฑิตใหม่ทั่วไปคือ คาดหวังว่าจะได้เข้าทำงานในบริษัทดีๆ เงินเดือนสูงๆ มีความก้าวหน้า ซึ่งเขาก็ได้รับโอกาสนั้นจริงๆ แต่หลังจากเข้าทำงานในบริษัทแล้ว เขาพบว่ามันไม่ใช่

Jordan รู้สึกตัวอย่างรวดเร็วว่าชีวิตในออฟฟิศมันโครตน่าเบื่อ ตีบตัน และไร้อนาคต เขาไม่ต้องการที่จะใช้ชีวิตเช้าชามเย็นชามแบบนี้ไปอีก 40 ปี จึงตัดสินใจลาออกหลังจากทำงานมาได้เพียง 1 ปี… เรียกว่าร่ำเรียนมาทั้งชีวิตเพื่อพบคำตอบว่าตัวเองไม่อยากเป็นลูกจ้าง

Jordan เล่าว่าเขามีสายเลือดของความเป็นนายตัวเองมาตั้งแต่เด็กๆ ที่พยายามหาวิธีสร้างรายได้จากการทำกำไรส่วนต่างทางการค้า ไม่ว่าจะเป็นการเก็บลูกกอล์ฟที่ไม่มีเจ้าของไปล้างให้สะอาดแล้วนำไปขายต่อ หรือการขายเครื่องดื่มช็อคโกแลตร้อนให้กับผู้มาต่อแถวซื้อสินค้าอันยาวเหยียดในช่วงเทศกาล เป็นต้น

เมื่อโตมาและมีโอกาสได้ลองทำงานประจำ เขาจึงเกิดความรู้ผลักออกอย่างรวดเร็วและตัดสินใจลาออกโดยที่ตัวเขาเองก็ยังไม่มีแนวทางที่ชัดเจน

เริ่มต้นเป็นนายตัวเองด้วยงาน Freelance, Outsource และ Internet Marketing

Jordan อยู่ในสภาวะลุ่มๆดอนๆ อยู่พักใหญ่หลังลาออก เขาไปทำงานกับเพื่อนและคนรู้จักในฐานะหุ้นส่วนลงแรง ซึ่งเขาก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่อยู่ดี จึงลาออกแล้วหันมาจับอาชีพที่ปรึกษา โดยประชาสัมพันธ์ตัวเองผ่านทาง LinkedIn และเริ่มได้รับการจ้างงาน พอลูกค้าเยอะขึ้น เขาเริ่มวางตัวเป็น Outsource มีการกระจายงานไปสู่เครือข่าย Freelance ในงานที่เกี่ยวข้อง ทำให้เขามีรายได้มากพอและตัดสินใจทำตามความฝัน นั่นคือการท่องเที่ยวรอบโลกด้วยอายุเพียง 23 ปีในตอนนั้น

ปัจจุบัน Jordan อายุ 25 ปีและเดินทางไปถึง 17 ประเทศ พบเจอผู้คนและอาชีพแปลกใหม่มากมายรวมไปถึงอาชีพ Internet marketing ทำให้เขาสามารถหาเงินออนไลน์แบบ Affiliate ก่อนที่จะพบกับคู่หูสองคน เป็นคนฮังกาเรียน และคนอังกฤษ ซึ่งภายหลังกลายเป็นหุ้นส่วนเปิดธุรกิจซอฟต์แวร์ร่วมกันชื่อ Buffered VPN 

Slide1

Slide2

JF02

Follow Jordan Fried on Instagram – https://instagram.com/jordanfried/

ผมไม่ใช่เศรษฐี แต่ผมแฮปปี้และรวยมาก

Jordan บอกว่า I am not a millionaire แต่ชีวิตมีความสุขมาก เขามีเวลาในการออกไปท่องโลกและทำในสิ่งที่รัก เขาตื่นเต้นที่จะตื่นขึ้นมาเพื่อทำสิ่งใหม่ๆ และมีพลังในการพัฒนาธุรกิจซอฟต์แวร์ของเขา ความรวยของผู้ชายคนนี้คือ รวยเวลา และ รวยความสุข

จริงๆแล้วเวลาเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุด ซึ่งคุณค่าของเวลาถูกแสดงไว้เป็นนัยสำคัญในหนังสือ The 4-Hour Work Week เวลาสามารถนำไปผลิตงานที่สร้าง Value ให้กับชีวิตคุณได้ คุณจะได้มากได้น้อยขึ้นอยู่กับวิธีการใช้เวลาของคุณ

ความลับของเวลาและความมั่งคั่ง

ไม่ค่อยมีเศรษฐีคนไหนที่มั่งคั่งจากงานประจำ เพราะงานประจำมีรายได้เป็น Fixed-rate ทำมากทำน้อยได้เท่ากัน แต่จุดอ่อนสำคัญคือ ทุกคนมีเวลาต่อวัน 24 ชั่วโมงเท่ากัน หากคุณอยากได้เงินมากคุณต้องรับจ้างทำงานหลายที่ แต่ขีดจำกัดของร่างกายนั้นมี คุณจึงทำงานได้เต็มที่คือที่เดียวหรือมากสุดสองที่

ส่วนเศรษฐีเอาชนะข้อจำกัดของเวลานี้ด้วยการสร้างระบบมาทำงานแทนเขาแล้วเอาตัวเองออกจากระบบและเวลา กล่าวคือ ลงทุนสร้างธุรกิจขึ้นมาหนึ่งอย่าง วางระบบและป้อนหน่วยทำงานเข้าไปไม่ว่าจะเป็นเครื่องจักรและพนักงาน ระบบเสร็จสิ้น ทรัพยากรที่ป้อนเขาไปก็ทำงานแทนเขา จากนั้นก็ไปสร้างธุรกิจใหม่และ Duplicate ระบบแบบเดียวกัน เท่ากับมีสองธุรกิจที่สามารถทำงานไปพร้อมกันโดยที่ตัวเขาเองไม่ต้องประจำพื้นที่ มีเวลาไปคิดและสร้างธุรกิจใหม่ๆ and so on

ถ้าคุณฟังดูแล้วรู้สึกว่ามันใหญ่เกินตัว เลือกสิ่งใกล้ๆ ตัวก็ได้ เช่น หากคุณทำงานประจำไปด้วยและทำฟรีแลนซ์ไปด้วย ทั้งสองเป็น Active income ที่กินเวลา ต่อมาก็ผันมาเป็น Outsource หาลูกค้ารับงานมาแล้วส่งต่อให้ฟรีแลนซ์ทำงาน คุณอยู่ตรงกลางกินส่วนตัวจากการเป็นผู้ประสานประโยชน์

หรืออีกวิธีคืออาชีพ Infopreneur มีความรู้เฉพาะทางที่คนต้องการ ก็นำความรู้มาผลิตเป็นอีบุ๊ค หรือคอร์สออนไลน์ สินค้าพวกนี้สามารถทำงานแทนคุณได้ทั้งสิ้น คุณผลิตโปรดักท์ครั้งเดียวแล้วโฆษณา Facebook หรือ Google AdWord ออเดอร์มาระบบส่งของ คุณรับเงินโดยที่ตัวเองไม่ต้องเฝ้าร้านเพราะธุรกรรมต่างๆ ผ่านออนไลน์

แนวทางสร้างรายได้คู่งานประจำที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่ายังมีอีกมากซึ่งผมเขียนไว้ใน eGuide Passive Business Startup ครับ