4 เรื่องเสียวหัวใจที่คุณรู้แล้วอาจไม่อยากเป็นนายตัวเอง

CEO-1412024

คุณอาจเคยได้ยินคนทำงานประจำหรือแม้แต่ตัวคุณเองก็แอบบ่นว่า “เบื่อจังวุ้ย อยากเป็นนายตัวเองจังวะ!” แต่คุณคิดว่าคนเป็นนายตัวเองเขาจะมีโมเม้นต์เบื่อบ้างหรือไม่? คำตอบคือ มีครับ! หลายต่อหลายครั้งที่ โทนี่ เชย์ เจ้าของธุรกิจเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ Zappos.com เกิดอาการเบื่อธุรกิจและสถานะความเป็นนายตัวเองของตัวเองอย่างแรงถึงขั้นไม่อยากลุกไปบริษัทตัวเอง

นายตัวเอง ก็คืออาชีพๆหนึ่ง ไม่ต่างจาก พนักงานบัญชี พนักงานจัดซื้อ พนักงานขาย ฯลฯ ครับ พวกเขาต้องทำงานเช่นกัน เพียงแต่ต่างกันที่ Scale ของรายได้ที่ไม่มีขัดจำกัด ไม่มีขีดจำกัดในที่นี้ไม่ได้หมายถึงกำไรเป็นหมื่นล้านอย่างเดียวนะครับ แต่ยังหมายถึงขาดทุนเป็นหมื่นล้านก็เช่นกัน! – มาดูกันครับว่าเมื่อเริ่มก้าวแรกสู่การเป็นนายตัวเองแล้วจะเจอกับเรื่องบีบคั้นหัวใจอะไรบ้าง

Top 4 ความแตกต่างอย่างสุดโต่ง ที่คุณต้องเจอหลังก้าวสู่นายตัวเอง

1. ไม่มีหลักประกันรายได้และสวัสดิการ

ข้อดีของการเป็นพนักงานประจำคือการรับประกันรายได้และสวัสดิการรอบด้าน หากนับบริษัทที่ได้มาตรฐานสวัสดิการครบถ้วน นอกจากเงินเดือนประจำที่ได้มาตรฐานสมค่าความสามารถแล้ว สวัสดิการอย่างกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และประกันชีวิตกลุ่มยังมีให้อย่างเต็มพิกัด

ส่วนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพนั้นเป็นที่รู้กันอยู่ว่าคุณจ่ายส่วนของคุณและนายจ้างก็สมทบให้อีกทาง หากคุณทำงาน 5 ปีขึ้นไป (หรือแล้วแต่นโยบายบริษัท) แล้วลาออกก็จะเงินกองทุนที่นายจ้างสมทบให้ 100% เต็ม ต่างหากจากส่วนของคุณ!

สำหรับนายตัวเอง ไม่มีเงินเดือนและสวัสดิการ รายได้ของคุณมาจากยอดขายสินค้าและบริการซึ่งมาจากการออกไปหาลูกค้า ทำตลาด เพื่อสร้างยอดขาย ถ้าคุณไม่มีสินค้าหรือกำลังอยู่ระหว่างการผลิต คุณจะไม่มีรายได้ไปจนกว่าสินค้าจะถูกปล่อยออกสู่ตลาด

2. คุณอาจว่างทั้งวันหรือยุ่งทั้งวันจนไม่เป็นอันทำอะไร

ถ้าคุณทำงานประจำสัปดาห์ละห้าวันและหยุดอีกสองวันเป็นรูปแบบตายตัว การเป็นนายตัวเองคุณอาจพบว่าตัวเองต้องทำงาน 7 วัน หรือไม่ก็ไม่มีอะไรทำไปเลย 7 วัน!

ตอนผมผลิตอีบุ๊ค ผมทำงานหามรุ่งหามค่ำในการผลิตและวางระบบ พอผลิตเสร็จและวางระบบการขายที่เกี่ยวข้องเสร็จเรียบร้อย เหลือเพียงรอเวลาเปิดขายอย่างเป็นทางการ ผมว่างงานไป 7 วัน และเป็น 7 วันที่ฟุ้งซ่านมาก มันทำให้รู้เลยว่าคนเราอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไรไม่ได้ และการมี Passive income โดยไม่ต้องทำอะไรนั้นไม่เป็นความจริงเลย เพราะคุณจะโหยหาบางสิ่งบางอย่างเพื่อให้มีงานทำ พูดง่ายๆ มนุษย์สร้างมาเพื่อทำงาน!

3. แผน 5 ปี 10 ปีนั้นเพ้อเจ้อ เอาวันนี้ให้รอดนี่ของจริง

ตอนผมทำงานประจำผมก็ฝันว่าอีก 5 ปี 10 ปีจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ จะออกมาทำนู่นี่นั่น ก็วาดฝันกันไป แต่พอถึงเวลาทำจริง อย่าว่าแต่พรุ่งนี้เลยครับ วันนี้ฉันจะทำอะไรเพื่อให้ไปต่อได้ในวันพรุ่งนี้อย่างมีประโยชน์

เมื่อคุณเป็นนายตัวเอง คุณจะรู้ซึ้งถึงคุณค่าของเวลา เพราะไม่มีใครมาบังคับคุณทำงาน หากคุณไม่ทำอะไร วันนั้นคุณก็สบายๆ หมดไปหนึ่งวัน แต่เป็นการหมดไปอย่างน่าเสียดายอย่างบอกไม่ถูก ผมรู้สึกเหมือนตัวเองผลาญเวลาตัวเองซึ่งเอามันกลับมาไม่ได้

การเป็นนายตัวเอง อำนาจในการทำงานอยู่ในมือคุณ 100% กลายเป็นว่าหากต้องการจะอยู่รอดในอาชีพส่วนตัว คุณต้องหางานให้ตัวเองทำ คิดผลิตงานที่มีคุณค่าป้อนสู่ตลาดอย่างสม่ำเสมอ จะ Active หรือ Passive ก็แล้วแต่ ยังไงคุณก็ต้องเป็นผู้นำในการลงมือทำ

หากคุณมีลูกน้อง ทีนี้ละครับ ชีวิตจะท้าทายเป็นเท่าทวี คุณหมู เจ้าของ OokBee.com บอกว่า สมัยเขาเริ่มทำธุรกิจใหม่ๆ และมีทีมงาน ในแต่ละวันเขาต้องคิดว่าวันนี้จะต้องออกไปขายของหาเงินมาจ่ายเงินเดือนลูกน้อง นี่แหละครับหัวใจของคนเป็นนายตัวเอง ในภาคปฏิบัติโดยเฉพาะช่วงเริ่มต้น คุณแทบไม่ได้คิดแผน 5 ปีแล้วครับ คุณคิดแต่วันนี้ พรุ่งนี้ และสิ้นเดือน

4. คุณต้องเผชิญกับคนที่ไม่ชอบคุณอย่างชัดเจน

อยู่ในบริษัทเบื่อเพื่อนร่วมงานที่ไม่ชอบหน้ากัน และนินทาด่ากันลับหลังใช่ไหมครับ นายตัวเองก็มีครับ! ในวันที่คุณเป็นเจ้าของสินค้าและบริการ คุณต้องขายของร่วมค้าให้ผู้คนไม่ใช่แค่หลักสิบหยิบมือตลอดชีพเหมือนในสำนักงาน แต่เป็นพันๆ หมื่นๆ ไปจนหลักล้านคนตลอดการทำธุรกิจของคุณ

คุณจะต้องพบกับคนที่ ชอบ และ ไม่ชอบ สินค้าและบริการของคุณที่พร้อมจะวิพากษ์วิจารณ์คุณอย่างไร้เหตุผล ใช่ครับ เพราะความชอบไม่ชอบบ่อยครั้งเป็นเรื่องของอารมณ์ความพอใจส่วนตัว ภาษาอังกฤษเรียกว่า Personal preference และที่สำคัญคือการวิจารณ์อย่างเปิดเผย อย่างที่คุณเห็นคนไปเขียนลงโซเชียลเน็ตเวิร์ค และกระทู้เว็บบอร์ดนั่นเองครับ

Do or Do Not, There is No Try…

CEO-1412024-02

ในภาพยนตร์เรื่อง Starwars: Empire Strikes Back มีฉากหนึ่งที่พระเอก ลุค สกายวอล์กเกอร์ ทำยานอวกาศตกลงในบึงหมดหนทางกู้คืน อาจารย์โยดะบอกว่าพลังเจไดในตัวมากมายสามารถกู้ยานได้ ลุค ตอบแบบปลงๆ ว่า “ฉันจะลอง” อาจารย์โยดะจึงสวนทันควันว่า “Do or Do Not, There is No Try” แปลว่า “ไม่มีคำว่าลอง มีแต่ทำ หรือ ไม่ทำ” – ถ้าคุณเฝ้าแต่ลอง คุณจะไม่ได้ทำ ถ้าคุณจะทำ คุณก็ไม่ต้องลอง… ลงมือทำเลย

มีคนบางส่วนได้งานดีมาก มีรายได้หลายแสนบาทจากงานประจำ แต่สำหรับอีกหลายคนรวมทั้งผมเป็นกลุ่มคนที่อยู่ในอาชีพที่อีกสิบปีก็ไม่ได้เงินเดือนเกิน 5 หมื่นบาท ยิ่งปล่อยปะละเลยไป นานวันทางเลือกยิ่งน้อยลงจนผมอดห่วงอนาคตไม่ได้ ความรู้สึกเป็นตัวเร่งให้ผมคิดหาทางมีรายได้มากกว่าหนึ่งช่องทางและต้องเป็นช่องทางที่เติบโตไปจนถึงเป็นนายตัวเองได้

การหาอาชีพเสริมสร้างรายได้เพิ่มระหว่างทำงานประจำภายใต้เงินทุนจำกัดเป็นเรื่องท้าทายครับ แต่เมื่อได้ลงมือทำแล้วและก้าวหน้าไปกับมันคุณจะพบว่าแท้จริงแล้วโลกนี้ไม่มีอะไรมั่นคง ทุกอย่างมีความเสี่ยงอย่างที่นักลงทุนพูดกัน ใช่ว่าลงทุนในหุ้นจะเสี่ยงแต่ฝ่ายเดียว แม้ฝากเงินสดในธนาคารเฉยๆ ก็มีความเสี่ยง ดอกเบี้ยต่ำ เงินเฟ้อสูง จู่ๆ เงินก็หมดมูลค่าไปเอง

การทำงาน ไม่ว่าจะประจำ อิสระ หรือธุรกิจส่วนตัว ทุกแนวทางล้วนมีความเสี่ยงในตัวของมันเอง มีเพียงตัวคุณเท่านั้นที่ต้องระลึกรู้ตัวในความจริงข้อนี้ ยอมรับและปรับตัวเพื่อป้องกันตัวเองจากความเสี่ยง สำหรับผม เมื่อเล็งเห็นว่าโอกาสเรื่องสายงานและตำแหน่งไม่น่าจะไปต่อได้ไกล ผมจึงหาวิธีสร้างรายได้หลายทาง และเมื่อช่องทางที่สองที่สามเริ่มเห็นโอกาสและประมาณการณ์รายได้ได้แล้ว เมื่อนั้นก็ออกมาลุยกับมันอย่างเต็มตัว