18 มิถุนายน 2022 เป็นวันที่วงการ คริปโตเคอร์เรนซี่ ต้องจารึก เมื่อราคา บิทคอยน์ ทำราคาร่วงต่ำกว่าราคาสูงสุดของไซเคิ้ลที่แล้วเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ตลอด 13 ปีที่มันถือกำเนิดขึ้นบนโลก — สิ่งนี้อาจเป็นสัญญาณเตือนอะไรแก่นักลงทุน?
ก่อนอื่นคำว่า ‘ไซเคิ้ล’ ในที่นี้คืออะไร?
ไซเคิ้ล ในที่นี้ คือ ‘Halving cycle’
โดยนอกจาก บิทคอยน์ จะมีจำนวนจำกัดที่ 21 ล้านคอยน์ มันยังได้ถูกวางโปรแกรมให้ลดจำนวนผลตอบแทนแก่ นักขุดบิทคอยน์ ลงครึ่งหนึ่งทุก ๆ 4 ปี จนกว่าจะถูกขุดหมดเกลี้ยงในประมาณปี ค.ศ. 2140 เหล่านี้เป็นแนวคิดการออกแบบให้ สินทรัพย์ดิจิทัลมีปริมาณจำกัด และหายากขึ้นเรื่อย ๆ
Halving cycle จะเกิดขึ้นทุก ๆ 4 ปี และในแต่ละไซเคิ้ลจะมีรูปแบบที่คล้ายกัน คือ ช่วงพีค ราคาวิ่งขึ้นอย่างรุนแรงไปทำจุดสูงสุด และช่วงแครช ราคาร่วงลงอย่างรุนแรงมากกว่า -80% เป็นอันจบไซเคิ้ล
ความแตกต่างของการ Crash ในไซเคิ้ลที่ 3 คือ!
2 ไซเคิ้ลที่ผ่านมา ราคาบิทคอยน์ ไม่เคยแครชต่ำกว่าราคาปิดสูงสุดของไซเคิ้ลที่แล้วก่อนที่จะเข้าสู่ตลาดหมี แต่ไซเคิ้ลปัจจุบัน บิทคอยน์ ได้ทำราคาปิดของวันต่ำกว่าราคาสูงสุดของไซเคิ้ลที่แล้วอย่างเป็นทางการ ดังต่อไปนี้
– พ.ย. 2013 ทำจุดสูงสุด 1,127 ดอลล่าร์
และแครชเหลือ 172 ดอลล่าร์ (-84%)
– ธ.ค. 2017 ทำจุดสูงสุด 19,102 ดอลล่าร์
และแครชเหลือ 3,216 ดอลล่าร์ (-83%)
– พ.ย. 2021 ทำจุดสูงสุด 67,525 ดอลล่าร์
ปิดล่าสุด 18 มิ.ย. 2022 ราคา 18,970 ดอลล่าร์ (-72%)
จุดสูงสุดก่อนแครชของไซเคิ้ล ปี 2017 ราคา 19,102 ดอลล่าร์ ในขณะที่ไซเคิ้ลปัจจุบัน ราคาปิดที่ 18,970 ดอลล่าร์ นี้จึงเป็นการยืนยันแล้วว่า บิทคอยน์ ปิดต่ำกว่าราคาสูงสุดของไซเคิ้ลก่อนเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
สิ่งนี้อาจกำลังบอกอะไรแก่นักลงทุน
1. บิทคอยน์ อาจยังลงไม่สุด
อ้างอิงจากสถิติ % การแครชของสองฤดูกาลก่อนหน้านี้ ที่ -84% และ -83% ตามลำดับ หากเราเชื่อว่าสถิตินี้จะยังมีผลต่อไป นั่นหมายความว่า ราคาบิทคอยน์ อาจยังลงต่อได้อีกจนกว่าจะติดลบเกิน 80% จากจุดสูงสุดของรอบนี้ หรือเท่ากับมีโอกาสลงไปต่ำกว่า 13,000 ดอลล่าร์
2. นักลงทุนสถาบัน อาจไม่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรม Halving cycle ของบิทคอยน์
โดยก่อนหน้านี้ กูรูคริปโตในต่างประเทศที่มักถูกเรียกว่า ‘Permabull’ เป็นกลุ่มที่มองว่า บิทคอยน์ มันจะขึ้นอย่างเดียว ฯลฯ มีความเห็นว่า เหตุการณ์บิทคอยน์แครชระดับ -80% อาจไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว
พวกเขาให้เหตุผลว่าตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา มีนักลงทุนสถาบันรายใหญเข้ามาถือ บิทคอยน์ เป็นทรัพย์สินมากขึ้น อาทิ Microstrategy, Tesla, Galaxy Digital Holdings และ Square เป็นต้น ฯลฯ
พวกเขาจึงมีความเห็นว่าเหตุการณ์ตลาดแครช -80% ไม่เกิดขึ้นได้อีก เป็นต้น แต่แล้ว ความเห็นของพวกเขาก็ดูเหมือนจะเป็นโมฆะไป
เพราะวันนี้ บิทคอยน์ ได้เดินตามพฤติกรรมเดิมทุกประการ ได้แก่ ทำช่วงพีค จากนั้นก็แครช และได้ร่วงมาแล้วถึง 72% ในขณะที่เหรียญ Altcoin ต่าง ๆ ร่วง -90% ถ้วนหน้าเป็นที่เรียบร้อย
หมายเหตุ : ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุน