Ai ปัญญาประดิษฐ์

เมื่อหุ่นยนต์จะมาแทนที่งานมนุษย์ 8 แสนตำแหน่ง และจะมาสร้างตำแหน่งงานเพิ่มขึ้นให้มนุษย์อีกกว่า 3 ล้านตำแหน่ง

ในปัจจุบันนี้ทุกระบบอุตสาหกรรมมีการตื่นตัวเป็นอย่างมากเกี่ยวกับการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ หรือ Ai ซึ่งต่างก็คาดการณ์กันว่าจะมีผลทำให้มนุษย์ที่เป็นแรงงานจำนวนมากต้องตกงาน แต่ในความเป็นจริงแล้วผลกระทบของ Ai ที่มีต่อแรงงานนั้นมีความซับซ้อนเป็นอย่างมากในขณะที่ยังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านเราจึงควรศึกษาถึงความเป็นไปได้ในหลาย ๆ ทาง

นี่คือตัวอย่างหนึ่งของ การศึกษาระบบอัตโนมัติ โดย Deloitte ในอังกฤษ ที่พบว่า จะมีงานจำนวนกว่า 800,000 ตำแหน่งที่มีทักษะในการทำงานต่ำ จะถูกตัดออก และถูกแทนที่โดย Ai และเทคโนโลยีอัตโนมัติอื่น ๆ แต่หลังจากนั้นจะมีตำแหน่งงานใหม่ถูกสร้างขึ้น 3.5 ล้านตำแหน่ง และงานดังกล่าวจะมีค่าแรงสำหรับคนงานประมาณ 13,000 ดอลล่าร์สหรัฐฯ ต่อปี (ประมาณเดือนละ 37,000 บาท) ซึ่งมากกว่าตำแหน่งงานเดิมที่จะสูญเสียไป

จากผลของการศึกษานี้ทำให้มีความเป็นไปได้ที่การพัฒนา Ai จะมีผลเป็นบวกมากขึ้น โดยเทคโนโลยีเหล่านี้จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานของเราไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งจะไม่นำไปสู่ความขัดแย้ง แต่จะทำให้เราสามารถทำงานร่วมกับ Ai ได้ และพนักงานสามารถทำงานที่มีความซับซ้อนได้มากขึ้น และในระยะยาวความคิดสร้างสรรค์จะแยกมนุษย์ออกจากหุ่นยนต์

ต่อไปนี้เป็นตัวอย่าง 3 ข้อที่จะรองรับเหตุผลดังกล่าวว่าระบบอัตโนมัติจะช่วยสร้างงานและช่วยทำให้ธุรกิจดีขึ้น

Ai ช่วยสร้างความต้องการของลูกค้าและงานใหม่ ๆ

Panera Bread ร้านขายแซนวิชและขนมปัง กล่าวว่า เขาได้ว่าจ้างพนักงานจัดส่งแบบเดลิเวอรี่และพนักงานเสริฟในร้านเพิ่มขึ้น 10,000 ตำแหน่ง เพื่อตอบสนองความนิยมในการสั่งซื้อแบบเดลิเวอรี่ ซึ่งลูกค้าสั่งซื้อซุปและแซนวิชจากแพลตฟอร์มดิจิตอลที่จัดการด้วยระบบ Ai (ใช้บอทในการรับคำสั่งซื้อ) ทำให้ต้องขยายการบริการออกไปอีก 40%

Panera Bread เลือกที่จะจ้างพนักงานขนส่งของตัวเองแทนที่จะใช้จากบริษัทภายนอก นั่นก็เนื่องมาจากสามารถควบคุมคุณภาพและค่าใช้จ่ายได้มากกว่า และเมื่อใช้ Ai มาทำงานแทนแล้วก็ทำให้มียอดขายและกำไรที่เพิ่มขึ้น ก็จะสามารถทำโปรโมชันกระตุ้นยอดขายได้เพิ่มขึ้น

Ai ช่วยทำให้กำไรดีขึ้นและค่าแรงที่สูงขึ้น

โรงงานผลิตเหล็ก Marlin Steel ในบัลติมอร์ แก้ปัญหาการผลิตเมื่อถูกโรงงานจากจีนตัดราคา Marlin Steel ได้ตัดสินใจซื้อเครื่องจักรสำหรับผลิตสินค้าขึ้นมา ซึ่งสามารถผลิตสินค้าด้วยความแม่นยำสูง ส่งผลให้สินค้าที่ได้มีคุณภาพ เหมาะสำหรับบริษัทยักษ์ใหญ่ต่าง ๆ เช่น โบอิ้ง และเจนเนอรัลมอเตอร์ส นอกจากนี้ยังจ้างแรงงานเพิ่มและเพิ่มค่าแรง เพื่อที่จะดึงดูดแรงงานที่มีฝีมือเข้ามาทำงานในระบบ โดยแรงงานดังกล่าวสามารถทำงานร่วมกับเครื่องจักรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เมื่อใช้เครื่องจักรเข้ามาช่วยทำงาน ความผิดพลาดก็ลดลง ผลกำไรก็ดีขึ้น และทำให้คนงานทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น กำลังการผลิตก็มากขึ้น บริษัทจึงสามารถขึ้นค่าแรงให้แก่พนักงานได้ (เพื่อเป็นแรงจูงใจการทำงานให้ดียิ่งขึ้นไปอีก) นี่จึงเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างการทำงานร่วมกันของมนุษย์ละหุ่นยนต์ที่สามารถสร้างงานและรายได้ที่เพิ่มขึ้นให้กับธุรกิจ

Ai ช่วยส่งเสริมคุณค่าของบริษัท

Boxed เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจจำหน่ายสินค้าออนไลน์ และเมื่อใช้ Ai เข้ามาช่วยในการทำธุรกิจ จะสามารถทดแทนตำแหน่งงานได้มากถึง 100 ตำแหน่ง แต่แทนที่บริษัทจะปลดพนักงานออก กลับรักษาพวกเขาไว้ โดยเลื่อนพนักงานบางคนไปเป็นวิทยากรให้ความรู้กับเพื่อนร่วมงาน ในขณะที่บางคนเปลี่ยนจากพนักงานบริการลูกค้าที่เป็นพนักงานชั่วคราว กลายเป็นพนักงานประจำและรับรายได้เพิ่มขึ้นอีก 13% และก็เพราะระบบ Ai ทำให้บริษัทมียอดขายเพิ่มมากขึ้นในขณะที่ทำงานน้อยลง จึงมีผลกำไรมากขึ้น ทำให้บริษัทไม่ทอดทิ้งพนักงานที่ช่วยบุกเบิกร่วมกันมา ส่งผลให้คุณค่าของบริษัทเพิ่มมากขึ้น

กรณีศึกษาดังกล่าวยังไม่อาจะฟันธงได้ว่า Ai จะเป็นมิตรกับงานของมนุษย์มากแค่ไหน แต่สุดท้ายแล้วคนที่จะตัดสินใจทุกอย่างก็คือเจ้าของบริษัทนั่นเอง เมื่อ Ai ช่วยแก้ปัญหาและทำกำไรได้มากขึ้นแล้ว ก็ถึงเวลาที่ธุรกิจจะต้องตอบแทนกลับคืนสู่สังคมบ้าง เพราะหากปล่อยให้สังคมเกิดปัญหาสุดท้ายก็จะย้อนกลับมาทำลายธุรกิจนั่นเอง


และหากคุณชอบใน Content ที่ทาง CEO Blog ได้นำเสนอ ในเร็ว ๆ นี้ ทาง CEO Blog ของเรานั้น กำลังจะมีโปรเจค CEO Premium Content ซึ่งเป็น Content ด้านการค้าปลีกออนไลน์ แบบพรีเมี่ยม ที่หาอ่านไม่ได้บน Blog ปกติของ CEO Blog โดยจะเปิดรับสมัครสมาชิกพรีเมี่ยมในเร็ว ๆ นี้

หากคุณไม่อยากพลาด Content ระดับ Premium สามารถลงทะเบียนเพื่อรับแจ้งข่าวสารได้ที่นี่ก่อนใครเลยครับ รับรองได้เลยว่ามันเป็น Content ระดับพรีเมี่ยมในราคาที่คุ้มสุด ๆ อย่างแน่นอน >>> ลงทะเบียนรับข่าวสารที่นี่ก่อนใครceo premium content

Resource: