Airbnb มีมูลค่าสูงกว่า 3 เครือโรงแรมระดับโลกรวมกัน

Airbnb ธุรกิจและแอปพลิเคชั่นจองที่พักแบบ Home sharing ชื่อดังประสบความสำเร็จในการทำ IPO หรือ เสนอขายหุ้นต่อสาธารณะเป็นครั้งแรก ราคาหุ้นพุ่งสูงสุดถึง 143% ก่อนจะปิดตัวด้วยมูลค่าตลาดสูงถึง 86,500 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ส่งผลให้ Airbnb มีมูลค่ากิจการสูงกว่า 3 เครือโรงแรมระดับโลกรวมกัน

วันที่ 10 ธค. 2020 ที่ผ่านมา Airbnb ได้ทำการ IPO ผ่านตลาดหุ้น NASDAQ ราคาเสนอขาย 68 ดอลล่าร์ ต่อหุ้น และเมื่อตลาดเปิดทำการ การซื้อขายคึกคักและผลักดันราคาหุ้นเพิ่มขึ้นสูงสุดของวันถึง 143% ก่อนจะปิดตัวที่ราคา 144.71 ดอลล่าร์ ต่อหุ้น มูลค่ากิจการตามราคาตลาดจำนวน 86,500 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ

นักวิเคราะห์สหรัฐฯ เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ Airbnb มีมูลค่าสูงกว่าธุรกิจจองโรงแรมออนไลน์ชื่อดัง Booking.com ที่มีมูลค่า 86,200 ล้านดอลล่าร์ และยังส่งผลให้มีมูลค่าสูงกว่า โรงแรมเก่าแก่ระดับโลก ได้แก่ Hilton Worldwide Holdings, Marriott International, และ Intercontinental Hotels Group 3 โรงแรมรวมกันเสียอีก โดยทั้ง 3 เครือโรงแรมรวมกันแล้วมีมูลค่ารวม 84,100 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ

ความสนใจของนักลงทุนที่มีต่อ Airbnb ในครั้งนี้ถือว่าสร้างความแปลกใจให้นักวิเคราะห์บางสำนักก่อนหน้านี้ เนื่องจาก Aibnb เพิ่งจะประสบวิกฤติหนักจากการะบาดของ ไวรัสโควิด-19 ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา จนต้องลดพนักงานถึง 25% และมูลค่ากิจการก่อนเข้าตลาด ลดลงจาก 31,000 มาเหลือ 18,000 ล้านดอลล่าร์ฯ อย่างไรก็ดี Airbnb ก็กลับมาประกาศผลกำไรเป็นบวก 219.3 ล้านดอลล่าร์ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา

Chris Sacca นักลงทุนและอดีตกรรมการรายการ Shark Tank กล่าวต่อสื่อมวลชนว่าเขารู้สึกเสียดายที่ปฏิเสธข้อเสนอที่กลุ่มผู้ร่วมก่อตั้ง Airbnb เคยเสนอสัดส่วนการลงทุนที่ถูกแสนถูกแก่เขาเมื่อสมัยเริ่มก่อตั้งใหม่ ๆ เมื่อประมาณ 12 ปีก่อน

ณ ตอนนั้น Brian Chesky และคณะเสนอแบ่งสัดส่วนหุ้นแก่นักลงทุนจำนวน 10% แลกกับเงินลงทุน 150,000 ดอลล่าร์ฯ แต่ Chris Sacca ปฏิเสธเพราะคิดว่าไอเดียแบ่งพื้นที่ในบ้านส่วนบุคคลให้คนแปลกหน้าเช่าเป็นเรื่องที่อันตรายและไม่น่าจะเวิร์ค

เช่นเดียวกับนักลงทุนอีกหลายคนที่ปฏิเสธข้อเสนอของพวกเขาเพราะไม่คุ้นเคยกับโมเดลธุรกิจแบบนี้ และคิดว่ามันไม่น่าจะเวิร์คเช่นกัน

แต่หากมีนักลงทุนคนใดรับข้อเสนอของ Airbnb ในตอนนั้น เงินลงทุน 150,000 ดอลล่าร์ฯ จะกลายเป็น 11,500 ล้านดอลล่าร์ฯ หรือโต 7,651,371% ในระยะเวลา 12 ปี

อย่างไรก็ดี ทางด้านนักวิเคราะห์บางส่วนมองว่าปรากฏการณ์การซื้อขายที่คึกคักเมื่อวันที่ 10 ธค. ที่ผ่านมาเป็นเพียงความตื่นเต้นชั่วคราวของนักลงทุนที่อาจมองโลกในแง่ดีเกินไป โดยนักวิเคราะห์เหล่านั้นมีความเห็นว่าตลาดอาจเข้าสู่ยุค Dot-com buble ในเร็ว ๆ นี้

อ้างอิง Business Insider