9 เทคนิค ก้าวแห่งชีวิต พิชิตวุฒิภาวะทางอารมณ์

คนที่ประสบความสาเร็จ กับ คนที่ล้มเหลว ต่างกันอย่างไร?

ความกล้า เป็นคำตอบที่คุ้นเคยมากที่สุด เชื่อว่าคุณมักได้ยินว่าคนที่ประสบความสำเร็จจะกล้าลงทุน กล้าเรียนรู้ กล้าได้กล้าเสีย กล้าลองสิ่งใหม่ กล้าอะไรมากมายเต็มไปหมด แต่สิ่งหนึ่งที่อยู่เหนือความกล้าทั้งหลายนี้ คือการกล้ายอมรับความจริง ต่อให้คุณกล้ามากแค่ไหน เมื่อถึงจุดล้มเหลวของชีวิต แล้วคุณไม่สามารถยอมรับความจริงนั้นได้ คุณจะไม่มีวันประสบความสำเร็จ แต่หากคุณเข้าใจว่าอุปสรรคเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และความล้มเหลวเป็นเรื่องธรรมดา แน่นอนว่าคุณจะผ่านทุกอย่างไปได้ด้วยดี

นี่แหละ สิ่งที่เรียกว่า วุฒิภาวะ หรือการเติบโตอย่างแท้จริง มักมาคู่กับความรับผิดชอบ และจะเป็นกุญแจสาคัญที่พาคุณไปสู่ความสำเร็จได้ง่าย คุณจะเข้าใจว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะตัวเอง ต้องแก้ไขด้วยตัวเอง และรับผิดชอบด้วยตัวเอง เคยสำรวจดูไหมว่าตัวคุณมีไม้ตายข้อนี้บ้างหรือเปล่า? — แนวทาง 9 ข้อนี้จะช่วยให้คุณสารวจและพัฒนาตัวเองให้กลายคนที่มีวุฒิภาวะได้ดีขึ้น และประสบความสำเร็จในชีวิตมากขึ้น

1. เอาชนะตนเองให้ได้

สิ่งแรกที่คุณต้องทำ คือ ฝึกเป็นนายตัวเอง คุณต้องรู้จักตกลงกับตัวเองว่า ชีวิตคุณต้องพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ หรือพัฒนาจนถึงระดับไหน คุณควรเปิดใจเรียนรู้ทุกแง่มุมของชีวิตผ่านประสบการณ์หรืออะไรก็ตาม ที่เข้ามาให้คุณค่าแก่ตัวคุณ การเรียนรู้นี้จะทำให้คุณเข้าใจศิลปะการใช้ชีวิตมากขึ้น จนสามารถปรับใช้สิ่งต่างๆ ให้เป็นไปตามความเหมาะสมได้ รวมถึงออกแบบชีวิตได้ว่าจะใช้ชีวิตอย่างไรให้ราบรื่น และจะทำอย่างไรให้ได้ใช้ชีวิตตามต้องการ โดยเกิดประโยชน์สูงสุดต่อตนเองและผู้อื่น

2. มีความฉลาดทางอารมณ์

เบนจามิน แฟรงคลิน กล่าวไว้ว่า “สิ่งที่ทำให้เราเจ็บปวดจะให้บทเรียนแก่เรา” ข้อคิดนี้เป็นแนวคิดพื้นฐานที่คนมีวุฒิภาวะจะเข้าใจกันดี ว่าชีวิตเต็มไปด้วยอุปสรรค และอุปสรรคนั้นจะมอบความแข็งแกร่งและสติปัญญาแก่เรา คุณจึงควรเรียนรู้การแก้ปัญหาอย่างชาญฉลาด กล้าที่จะลงมือทำด้วยพลังแห่งความเชื่อมั่นของตัวเอง พลังศรัทธาแห่งชีวิต และความภักดีต่อพลังใจสูงสุด เมื่อไหร่ที่คุณสามารถแก้ปัญหาได้อย่างสุขุมและชัดเจน คุณจะพบว่า นี่เป็นบททดสอบอันทรงคุณค่าในชีวิตคุณ ที่คุณก้าวผ่านมาได้อย่างภาคภูมิใจ

3. คิดบวกให้เป็นนิสัย

คุณควรจำไว้ว่า คนคิดบวกย่อมได้เปรียบเสมอ เพราะเมื่อไหร่ที่เปลี่ยนข้อเสียให้เป็นข้อดีได้ คุณจะอยู่เหนืออำนาจสิ่งนั้น และอุปสรรคจะไม่ใช่อุปสรรคอีกต่อไป คุณสมบัติข้อนี้เป็นสิ่งพื้นฐานของคำว่า วุฒิภาวะ จึงไม่แปลกที่คนที่ประสบความสำเร็จมักมองปัญหาเป็นต้นทุนของผลผลิตที่สวยงาม และมีกำลังใจในการทำสิ่งต่างๆได้ดีมากขึ้น ดังนั้น คุณควรลองปรับทัศนคติให้เป็นแง่บวกอยู่บ่อยๆ เพราะจะทำให้ก็สิ่งต่างๆง่ายขึ้น เพียงแค่คุณมองเห็นคุณค่าของสิ่งนั้น

4. เป็นตัวของตัวเอง

แทบทุกคนปรารถนาจะเดินตามเส้นทางที่ตัวเองวาดไว้เพื่อตามหาอิสรภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่จะทำให้ชีวิตคุณมีความหมายและมีคุณค่ามากขึ้น ดังนั้น เมื่อคุณมีเป้าหมาย คุณควรกำหนดทางเดินของตัวเองอย่างชัดเจน และต่อสู้เพื่อสิ่งนั้นอย่างเต็มที่ โดยไม่หวาดหวั่นไปกับกระแสสังคม หรือความคิดของคนอื่น หากคุณต้องการเติบโตอย่างแท้จริง คุณต้องยืนหยัดในตัวเอง ทำตามสิ่งนั้นด้วยใจรักและความปรารถนาแท้จริง โดยใช้ความขยัน การมีวินัย และความรับผิดชอบเป็นแรงขับเคลื่อน

5. อดทนอดกลั้น

คุณคงเคยได้ยินว่า ไม่มีอะไรได้มาง่ายดาย หรือ ยิ่งได้มาง่ายก็ยิ่งหายไปเร็ว เพราะก่อนคุณจะลิ้มรสความสุขได้อย่างเต็มที่ คุณต้องเจอความขมขื่นมาอย่างแสนสาหัส คนที่ประสบความสาเร็จจึงไม่ลังเลที่ยอมลาบากตั้งแต่เริ่มเพื่อรอสัมผัสความสุขหรือความสำเร็จในอนาคตอย่างเต็มที่ เมื่อตัดสินใจแบบนี้ คุณต้องคำนึงถึงภาระหน้าที่ก่อนความสุขส่วนตัว บางครั้งการรีบเร่งเกินไปอาจไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด เพราะงานบางอย่างต้องใช้เวลาแบบค่อยเป็นค่อยไปตามกระบวนการ คุณต้องรู้จักอดทนอดกลั้น ต่อสู้กับความยากลำบาก เพื่อรอซาบซึ้งกับฟ้าหลังฝนที่สวยงามอย่างเต็มที่

6. เชื่อมั่นในความจริง

คุณต้องเชื่อมั่นในพลังแห่งความจริง กระหายการรับรู้ความจริง และยอมรับผลของความจริงนั้น แม้ว่าบางครั้งอาจส่งผลไม่ดีทั้งต่อตัวคุณเองหรือต่อผู้อื่น แต่คุณต้องยอมรับว่าไม่มีใครหนีความจริงพ้น ผิดต้องยอมว่าผิด พลาดต้องยอมว่าพลาด คุณต้องกล้าใช้ความจริงแลกกับความจริง กล้าที่จะเตือนหรือบอกคนอื่นด้วยความจริง และกล้าน้อมรับคำแนะนาจากผู้อื่นด้วยความจริงเช่นกัน เมื่อคุณจริงใจกับผู้อื่นคุณก็จะได้รับสิ่งนั้นตอบแทนกลับมา ความจริงจะเป็นกระจกสะท้อนตัวคุณและขัดเกลาให้คุณพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ

7. มีความรับผิดชอบ

ความรับผิดชอบเป็นหัวใจสำคัญของชีวิตในทุกด้าน คุณควรเข้าใจว่าทุกอย่างเป็นทางเลือกของคุณเอง ชีวิตคุณจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจ และเมื่อเลือกแล้วคุณก็ต้องรับผิดชอบผลแห่งการตัดสินใจนั้นให้ได้ เหมือนกับหลักปรัชญาของ Jean Paul Sartre ที่ว่า มนุษย์มีเสรีภาพในการใช้ชีวิต แต่ต้องรับผิดชอบในการใช้เสรีภาพนั้น ซึ่งแน่นอนว่าทุกสิ่งก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่ใจเราต้องการได้ตลอด ดังนั้น ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร คนที่จะต้องรับผิดชอบและยอมรับให้ได้ก็มีเพียงแค่ คุณ! หากผลออกมาล้มเหลวคุณก็แค่มองว่าเป็นก้าวสาคัญก้าวหนึ่งที่ทาให้คุณเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง

8. ทุ่มเทให้เต็มที่

เวลา คือสิ่งที่สาคัญเป็นอันดับต้น ๆ ของชีวิต หากคุณให้คุณค่ากับสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากเป็นพิเศษ คุณควรใช้เวลาอันมีค่าของคุณอยู่กับสิ่งนั้นให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ใช้เวลาเรียนรู้ สัมผัส และสนุกกับมันอย่างไม่มีขีดจำกัด เพราะคุณควรให้เวลาต่อสิ่งนั้นได้โดยไม่มีข้อแม้ หากคุณประเมินดีแล้วว่ามันคุ้มค่าต่อการสละเวลาของคุณ การทุ่มเทให้กับสิ่งที่ควรทุ่มเทจะมีความหมายเสมอ เมื่อคุณทำด้วยใจอันแน่วแน่ แม้ว่าผลจะออกมาไม่ดี แต่สิ่งที่น่าจดจำที่สุดคือความพยายามที่คุณใส่ใจลงไปอย่างเต็มที่แล้วนั่นเอง

9. ตอบแทนด้วยการให้

คุณคงไม่อยากจมอยู่กับอารมณ์เศร้าหรือความผิดหวังนานๆ คุณจึงควรหาอะไรทำทีช่วยให้คุณเข้าใกล้ความสุขและไกลจากความทุกข์มากขึ้น สิ่งที่ง่ายที่สุด คือ การมองโลกในแง่ดี เพราะคุณจะมีความสุขกับสิ่งรอบข้างได้ง่ายขึ้น และซาบซึ้งกับสิ่งเหล่านั้นได้ดีขึ้น คุณจะอยากขอบคุณกับสิ่งดีๆต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตแม้เป็นเรื่องที่คนอื่นมองข้าม เรื่องเล็กๆน้อยๆเหล่านี้จะทำให้คุณเสพติดความสุขและอยากแบ่งปันให้ผู้อื่น เพื่อสร้างสรรค์โลกให้สวยงามต่อไป เมื่อคุณลองช่วยเหลือหรือแบ่งปันให้ผู้อื่น คุณจะอิ่มเอมใจกับความสุขของการเป็นผู้ให้ที่ได้รับกลับมา เป็นเหมือนของขวัญชิ้นพิเศษที่คุณได้รับ เพราะความรู้สึกพิเศษนี้หาสิ่งอื่นมาทดแทนได้ยาก และเมื่อคุณมีความสุขกับของขวัญชิ้นนี้คุณก็ยิ่งอยากได้และอยากส่งต่อ จนกลายเป็นวัฏจักรส่งต่อความสุขซึ่งกันและกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ

สรุป

จากเรื่องราวทั้งหมด คุณคงตระหนักดีอยู่แล้วว่ายิ่งคุณเติบโตมากขึ้น ภาระและความรับผิดชอบก็เพิ่มมากขึ้นในทุกด้าน แต่สิ่งที่สาคัญ คือ คุณมีสภาพจิตใจเข้มแข็งมากพอรึเปล่าที่จะจัดการสิ่งเหล่านั้นให้สมกับวิถีของคนที่เติบโตแล้วอย่างแท้จริงได้ วิธีทั้ง 9 วิธีนี้จึงเป็นเพียงแนวทางที่เราเสนอให้คุณ สุดท้ายแล้วชีวิตเป็นของคุณ คุณมีสิทธิ์ตัดสินใจเลือกทางเดินให้กับชีวิตคุณยังไงก็ได้ คุณอาจจะมีวิธีเดินหน้าต่อสู้อย่างไม่ยั้งหรือค่อยๆฝ่าฟันไปเรื่อยๆ แต่มันไม่สาคัญเท่ากับการตัดสินใจว่าคุณตั้งใจจะทา อัลเบิร์ต เอลลิส กล่าวไว้ว่า “ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของชีวิตคุณ คือเวลาที่คุณยอมรับว่าปัญหาทุกอย่างไม่ได้เกิดขึ้นเพราะสิ่งอื่นใด นอกจากตัวคุณเอง และคุณจะเป็นผู้กาหนดโชคชะตานั้น