VIDEO : งบน้อย มีเงิน 500 บาท ลงทุนอะไรดี? ห้ามตอบว่าลงทุนกับความรู้!

Video script

มีเงิน 500 บาท ลงทุนอะไรดี? โดยมีข้อแม้ ห้ามตอบว่า ‘ลงทุนกับความรู้’ ถ้าจะมาแนวนี้ผมก็มีทางไปต่อให้เหมือนกัน ไปทางไหน… คลิปนี้จะอ่านให้ฟัง

คำถามทำนองนี้มีจำนวนมากโดยบางคนมีทุน 500 บาท บางคนมี 5,000 และบางคนมี 50,000 และคำตอบที่ได้ส่วนใหญ่เป็นไปใน 2 ลักษณะ ได้แก่:

1) ลงทุนในหลักทรัพย์ อาทิ สลากออมสิน หรือ หุ้น และ 2) ลงทุนในความรู้

ซึ่งทั้งสองนั้นล้วนเป็นคำตอบที่ถูกต้อง แต่ไม่ถูกใจคนถาม เพราะเจตนาของคนถามอาจจะอยากได้ ผลตอบแทนที่เร็วกว่า มากกว่า และเสี่ยงน้อยกว่า ซึ่งตามหลักการลงทุนแล้วไม่น่าจะมีการลงทุนที่ ได้เร็ว ได้มาก โดยไม่เสี่ยง จนกว่า คุณจะเข้าใจบริบทของการลงทุนในแบบใหม่ที่ผมกำลังจะอ่านให้ฟัง คุณก็จะเริ่มมองเห็นโอกาสอะไรบางอย่าง

ผมขอท้าวความโดยสังเขปเพื่อให้เห็นภาพใหญ่ โดยย้อนกลับไปสมัยที่ผมเริ่มหาเงินออนไลน์ควบคู่กับทำงานประจำเมื่อประมาณสิบปีที่แล้ว

ผมไม่มีเงินเก็บ ไม่มีเงินทุน และไม่มีสินทรัพย์อะไรทั้งสิ้น โดย 3 สิ่งที่ผมมี ได้แก่ แรงกาย, ภาษาอังกฤษ, และ เวลา

3 สิ่งที่กล่าวไป คือ ทรัพยากร ที่ผมมีติดตัวอยู่แล้ว ณ เวลานั้น และผมนำไปใช้หาเงินออนไลน์จากการรับจ้าง ‘แปลเอกสารภาษาอังกฤษเป็นไทย’ นอกเวลางานประจำ

กระบวนการทำงานนั้นแสนเรียบง่าย และไม่แพงเลย ได้แก่

ลำดับแรก ผมใช้ อินเตอร์เน็ต ในการค้นหาเว็บไซต์ศูนย์รวมงานแปล อาทิ Proz.com, TranslatorBase และ TranslationCafe ในการค้นหาประกาศงาน และติดต่อไปหาบริษัทรับแปลเอกสารเพื่อเสนอบริการของผม

ลำดับที่สอง ผมใช้ทรัพยากรที่แพงที่สุดอย่างมีประสิทธิภาพ นั่นคือ ‘เวลา’ ที่ผมกลั่นออกมาได้มากว่าคนอื่นเพราะการเลือกที่พักอาศัยใกล้ที่ทำงาน

ผมใช้เวลาเดินทางโดยขนส่งมวลชนระหว่างที่พักและที่ทำงานอย่างเร็วที่สุด 15 นาที หรือ วันละ 30 นาที เป็นอย่างเร็ว ในขณะที่เพื่อนร่วมงานส่วนใหญ่ใช้เวลาเดินทางไปกลับวันละประมาณ 2 – 4 ชั่วโมง

เท่ากับว่าใน 24 ชั่วโมงเท่ากัน ผมมีเวลามากกว่าคนอื่นสูงสุดถึง 3 ชั่วโมงครึ่ง สำหรับเอาไปใช้สร้างธุรกิจส่วนตัวนอกเวลางานได้สบาย ๆ

การหางาน ทำงาน ส่งงาน และรับเงิน ใช้ทรัพยากรและอุปกรณ์ที่มีอยู่แล้ว 100% โดยไม่มีการลงทุนเพิ่ม ไม่มีค่าใช้จ่าย และไม่มี Fixed cost เพิ่มไปจากชีวิตประจำวัน และมีรายได้เพิ่มหลักหมื่นบาทต่อเดือนต่างหากจากเงินเดือนประจำ

กลับมาที่โจทย์ มีเงิน 500 บาท ลงทุนอะไรดี? ถ้าตอบแบบไม่อ้อมค้อมด้วยภาษาคนทำธุรกิจ คือ เก็บไว้เถอะครับ!

ถ้าใช้ ‘เงิน’ เป็นตัวตั้งของการ ‘ลงทุน’ ผมบอกได้เลยว่า 500, 5,000 หรือแม้แต่ 50,000 บาทก็ไม่พอ — ยกตัวอย่าง เงินทุน 5 หมื่นบาท ถ้าเล่นสินค้าฮ็อต ๆ อย่างกลุ่ม Beauty and Cosmetics บางคนใช้ยิงโฆษณาเฟซบุ๊ควันละ 5 หมื่นก็หมดแล้ว

ดังนั้น หากอยากหาเงินออนไลน์ อยากสร้างอาชีพที่จะต่อยอดไปสู่การเป็นธุรกิจส่วนตัวเต็มรูปแบบในอนาคต แต่ทุนน้อยแค่หลักร้อยหลักพัน ให้ตัดคำว่า ‘มีเงินเท่านี้ ลงทุนอะไรดี’ ไปเป็น ‘คุณสามารถทำอะไรได้บ้าง โดยไม่ต้องใช้เงินทุน’

เพราะทุนมี 3 ระดับในบริบทนี้ ได้แก่

ระดับที่ 1 แรงกาย และ เวลา เป็นทุน

ในกรณีที่ไมมีความรู้เฉพาะทางใด ๆ ติดตัว อย่างน้อยที่สุดคุณต้องมี แรงกาย และ เวลา สิ่งนี้นำไปขายได้ในรูปแบบของการรับจ้างใช้แรงต่าง ๆ เช่น เฝ้าร้าน ยกของ เซิร์ฟอาหาร ส่งของ เป็นต้น — แน่นอนว่า รายได้สำหรับงานแรงงานไม่ได้มาก ดังนั้นคุณต้องขยัน พัฒนาตัวเอง เพื่อขยับไปยังระดับที่ 2

ระดับที่ 2 แรงกาย ความรู้ และ เวลา เป็นทุน

สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาในระดับนี้ คือ ความรู้ — ความรู้เกิดจากประสบการณ์ทำงาน และการศึกษาเพิ่ม เช่น อ่านหนังสือ ดูวีดีโอ เข้าสัมมนาฝึกวิชาชีพเฉพาะทางต่าง ๆ ความรู้จะช่วยให้คุณรับงานที่ใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มีค่าแรงสูงขึ้น มีเงินเหลือเก็บมากขึ้น เพื่อไปยังระดับที่ 3

ระดับที่ 3 ความรู้ และ ทรัพย์ เป็นทุน

โดย ทรัพย์ ในที่นี้แปลได้หลายอย่าง อาทิ

– ทรัพย์ ที่เป็นตัวเงิน ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณจะมีโดยปริยายเมื่อผ่าน 2 ระดับแรกมาแล้ว
– ทรัพย์ ที่เป็นตัวบุคคล ได้แก่ บุคคลากร และเครือข่ายพันธมิตรที่จะมาร่วมงานกับคุณ
– ทรัพย์ ที่เป็นเทคโนโลยี อาทิ ซอฟต์แวร์การทำงานต่าง ๆ

กรณีของผมจะมีทรัพย์ที่เป็น ความรู้ และ เทคโนโลยี ได้แก่ โรงเรียนออนไลน์ Expertsity.com ที่ผมใช้ซอฟต์แวร์ของ Teachable ในการสร้างระบบอัตโนมัติที่สามารถทำงานแทนผมได้ทั้งหมด ส่วนการทำคอร์สเรียนผมจ้างเอาต์ซอสในการถ่ายทำและตัดต่อให้

ในขณะที่เงินลงทุนในการทำคอร์สนั้นผมไม่ได้ลงทุนไปก่อน เพราะผมเปิดขายคอร์สออนไลน์แบบ Pre-sales เก็บเงินก่อนแล้วจึงนำเงินไปผลิตคอร์ส

ถามว่าแล้วผมเปิดขาย Pre-sales ใช้ค่าการตลาดเยอะหรือไม่ ต้องยิงโฆษณาเท่าไร คำตอบ คือ แทบไม่ใช้เงินในการทำการตลาดช่วง Pre-sales เพราะผมทำการตลาดแบบ List building เก็บฐานรายชื่อผู้สนใจผ่านการเขียนบทความที่มีประโยชน์ แล้วแจกของผ่านทางหน้าเว็บไซต์

โดยการทำ List building ก็ใช้ซอฟต์แวร์การตลาดอัตโนมัติทั้งหมด ผมไม่ต้องมานั่งเฝ้าคอมพิวเตอร์กดปุ่มแจกของเองทีละคน ๆ แต่อย่างใด

ดังนั้นในการทำธุรกิจของผม ใช้ทรัพยากรบุคคลน้อย เพราะผมเลือกที่โฟกัสไปที่การใช้ทรัพยากรทางเทคโนโลยีในการทำธุรกิจประมาณ 70%

โดยผมมีซอฟต์แวร์หลัก ๆ 7 ตัว แต่ละตัวทำงานคนอย่าง และมีค่าใช้จ่ายหลักร้อยถึงหลักพันบาทต่อเดือน เฉลี่ยจ่ายเดือนละไม่เกิน 15,000 บาท ซึ่งสมัยนี้ 15,000 บาท ก็ประมาณเงินเดือนพนักงานปริญญาตรีจบใหม่ 1 คน ถ้าจ้าง 7 คนเท่ากับ 105,000 บาท แต่อันนี้ 15,000 บาท ได้ซอฟต์แวร์ 7 ตัว ซอฟต์แวร์ส่วนใหญ่เป็นบริษัทระดับ Global ที่มีความเชี่ยวชาญในการทำงานแบบมืออาชีพตั้งแต่วันแรกที่คุณเปิดใช้งานพวกเขา

หรือในกรณีที่คุณจะขายของออนไลน์ ก็จะมีแพลทฟอร์มอย่าง Lazada, Shopee, Amazon ในการเริ่มต้นขายออนไลน์โดยไม่ต้องสร้างเว็บไซต์เอง หรือระบบ Dropship ในการขายออนไลน์แบบไม่ต้องสต็อกสินค้า ซึ่งพวกนี้ผมจะเล่าในโอกาสถัด ๆ ไป

ถึงตรงนี้ผมจะขอสรุปว่า สมัยนี้โอกาสอยู่ในอินเตอร์เน็ต และเครื่องมือในการช่วยทำธุรกิจเจ๋ง ๆ ที่ช่วยให้คุณเริ่มต้นฟรี หรือถูกมาก ๆ ถูกแบบหลักร้อยหลักพันบาทมีอยู่ท่วมท้นโลกออนไลน์

คุณแค่เปลี่ยนวิธีตั้งคำถามจาก ‘มีทุนเท่านี้ทำอะไรดี’ ไปเป็น ‘คุณสามารถทำอะไรได้โดยไม่ต้องใช้เงินทุน’

ถ้าชอบคลิปนี้ กด Like, Comment, Share และ Subscribe ช่อง CEO Channels เพื่อพบกับวิธีคิดสร้างธุรกิจออนไลน์รุ่นใหม่ ต้นทุนต่ำ มีความเป็นออโตเมชั่นสูง ในคลิปถัด ๆ ไปครับ