5 ขั้นตอนสร้างฐานลูกค้าคอร์สออนไลน์แรกของคุณ

ผู้ก่อตั้ง CEOblog เคยผลิตสินค้าความรู้รุ่นแรกเป็น E-book จำหน่ายในราคาหลักร้อย โดยใช้เวลาเป็นปีในการผลิตและทำการตลาดโดยคาดหวังว่ามันต้องประสบความสำเร็จแน่ ๆ แต่ผลลัพธ์คือขายได้เพียง 1 เล่มเท่านั้น!

บทเรียนราคาแพงในครั้งนั้นนำมาพัฒนาเป็นแนวทางให้คุณสามารถเริ่มต้นอาชีพนักสอนอย่างไรให้รู้ว่าได้ลูกค้าอย่างแน่นอนตั้งแต่ผลิตภัณฑ์รุ่นแรก ๆ ที่คุณทำขึ้นมา

1. SEARCH ค้นหาความเชี่ยวชาญของคุณ

ความเชี่ยวชาญของคุณ คือ วัตถุดิบหลักในการนำมาทำเป็น สินค้า และใน 1 คนจะมีมากกว่า 1 ความเชี่ยวชาญเสมอ โดยสามารถแบ่งออกเป็น 3 Category หลัก ๆ ดังนี้

ความเชี่ยวชาญสายอาชีพ ได้แก่ สอนให้คนมีความรู้ในการทำงานเฉพาะทางต่าง ๆ สอนให้คนทำการตลาด สอนให้คนทำธุรกิจ ซึ่งการสอนอาชีพนั้นคุณไม่จำเป็นต้องเป็นนักธุรกิจ คุณเป็นพนักงานบริษัทที่เชี่ยวชาญในสายงานก็สอนคนอื่นได้

ความเชี่ยวชาญสายสุขภาพ ได้แก่ สอนลดน้ำหนัก สอนออกกำลังกาย สอนให้คนมีสุขภาพดี สอนวิธีประกอบอาหารสุขภาพ เป็นต้น

และสุดท้าย ความเชี่ยวชาญสายความสัมพันธ์ ได้แก่ สอนความรักความสัมพันธ์ สอนวิธีเป็นที่รัก สอนเลี้ยงลูก สอนบุคคลิกและความดูดี เป็นต้น

2. MATCH เปรียบเทียบ ความเชี่ยวชาญ VS ความต้องการของตลาด

ต่อมาคือการจับคู่ระหว่างสิ่งที่คุณเชี่ยวชาญเทียบกับความต้องการของตลาด หลักสูตรการสอนที่เป็นที่นิยมในตลาดหลัก ๆ มี 9 หัวข้อใหญ่ ได้แก่

  • สอนธุรกิจ
  • สอนการตลาด
  • สอนการเงิน
  • สอนบริหารจัดการ หรือ Productivity
  • สอนการเป็นผู้นำ
  • สอนความสัมพันธ์
  • สอนพัฒนาบุคคลิกภาพ
  • สอนสร้างแรงบันดาลใจและการ Motivate
  • สอนเรื่องจิตวิญญาณ

3. CREATE สร้างหลักสูตรการเรียนการสอน

เมื่อคุณได้กลุ่มเป้าหมายและสินค้าแล้ว ต่อมาคือการลงมือสร้างสินค้า กำหนดว่าคุณจะสอนเรื่องอะไร จากนั้นคิดชื่อหลักสูตรให้หน้าสนใจ ตั้งชื่อทั้งเวอร์ชั่นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ หลังจากนั้นจะมี 3 ขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้คุณเขียนหลักสูตรจบ ได้แก่

3.1. ร่างสารบัญ

การร่างสารบัญเปรียบกับการวางโครงสร้างเนื้อหาทั้งหมดของ หลักสูตร (หรือหนังสือ ในกรณีเขียนเป็นหนังสือ) เป็นกระบวนการสำคัญในการกำหนด ทิศทาง ของเนื้อหาทั้งหมด รวมไปถึงกำหนดความยาว และใช้กำหนดแผนและวางลำดับการเขียนเนื้อหาให้จบภายในเวลาที่เหมาะสม

ขั้นตอนแรกของการร่างสารบัญ คือ Brainstorm หัวข้อออกมาให้มากที่สุด จากนั้นคัดแยกหรือยุบรวมหัวข้อที่ซ้ำซ้อนกัน ตัดแบ่งหัวข้อหลักเป็น บทหลัก, บทรอง, และหัวข้อย่อยในบทรอง บางหัวข้ออาจยกยอดไปเป็นหลักสูตร Advance ในโครงการถัดไป เป็นต้น ฯลฯ

3.2. ร่างเนื้อหา

เมื่อได้บทหลัก บทรอง หัวข้อย่อยในบทรองต่าง ๆ แล้วก็เริ่มต้นร่างเนื้อหาตามลำดับของผังสารบัญ โดยกำหนดวันเวลาให้ชัดเจนว่า วันไหนคุณจะทำเนื้อหาใดให้จบ และเดินตามแผนอย่างเคร่งครัด คุณจะสามารถร่างเนื้อหาต้นฉบับได้เสร็จภายในเวลาที่เหมาะสม โดยเฉพาะเนื้อหาที่จะทำเป็นคอร์สออนไลน์ มีโอกาสร่างให้แล้วเสร็จภายใน 1-2 สัปดาห์ รวมเนื้อหาบรรยายและสไลด์ Power Point สำหรับทำ Screen capture videos

3.3 แพกเกจเนื้อหาเป็นสินค้า

เมื่อร่างเนื้อหาเสร็จแล้ว —ในกรณีเขียนหนังสือ คุณสามารถนำไฟล์เนื้อหาส่งให้โรงพิมพ์จัดทำรูปเล่มได้เลย ในกรณีคอร์สวีดีโอ คุณควรให้เวลาตัวเองในการซักซ้อมการบรรยายให้คุ้นชินบ้าง เพื่อวันบันทึกการบรรยายจริงจะได้ลื่นไหลและเสร็จงานภายใน 1 วัน เพื่อไม่เสียค่าใช้จ่ายบานปลายในการจ้างทีมเอาต์ซอสวีดีโอโปรดักชั่น

4. MARKET ทำการตลาดสร้างการรับรู้และฐานผู้ติดตาม

ข้อนี้สำคัญมาก! บางคนเขียนหนังสือ หรือทำหลักสูตรออนไลน์เสร็จแล้วก็นำออกมาขายเลย เช่นเปิดแฟนเพจและยิงโฆษณาขายสินค้าตรง ๆ ซึ่งเป็นการทำงานที่ไม่ถูกต้อง

สินค้าความรู้ จะขายได้ต้องอาศัย Trust จากผู้ติดตามในระดับหนึ่ง คุณจำเป็นต้องสร้าง Trust ผ่านการให้ คุณค่า ออกไปก่อน วิธีสร้าง Trust ดั่งกล่าวทำได้โดย เขียนบทความ ทำวีดีโอ หรือทำ E-book แจกเป็นวิทยาทาน โดยสามารถใช้ Facebook ads เพื่อเพิ่มพลังในการเข้าถึงสายตาผู้คนในช่วงแรก

การทำเช่นนี้จะสร้างแรงกระเพื่อม ก่อเกิดฐานผู้สนใจและเริ่มเกิดการติดตามคุณ กระบวนการนี้ใช้เวลาประมาณ 2 – 4 เดือนก่อนที่คนกลุ่มแรกจะเริ่มรู้สึก Trust และหลังจากที่คุณให้ คุณค่า ออกไปจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง ฐานผู้ติดตามของคุณจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วโดยธรรมชาติ (ยิงโฆษณา Facebook Ad น้อยลง หรือไม่ยิงเลย)

Marketing หรือ การตลาด อาจไม่ได้สร้างยอดขายทันที แต่มันคือฟันเฟืองสำคัญในการทำให้การขายง่ายขึ้น

5. SELL ทำการขายเพื่อเปลี่ยน ผู้ติดตาม เป็น รายได้

และนี่คือจุดที่ถึงเวลาในการเสนอขายสินค้าให้แก่ ผู้ติดตาม ของคุณ หากคุณทำการตลาดมาดี กระบวนการขายจะง่ายขึ้น คนกลุ่มแรกที่ติดตามและรับ เนื้อหา ที่มีประโยชน์จากคุณไปจนจุกจะพร้อมควักเงินเพื่อซื้อ สินค้าความรู้ จากคุณอย่างไม่ลังเล