3 จอมทัพธุรกิจจับมือบุกตลาด Healthcare ลั่นบริการเหนือกว่าในราคาไม่ฟันกำไร ด้านนักลงทุนแห่ทิ้งหุ้นกลุ่ม Healthcare จ้าละหวั่น

วันที่ 30 มกราคม 2018 สื่อสหรัฐฯ ต่างลงข่าวการจับมือกันครั้งสำคัญของ 3 จอมทัพใหญ่แห่งโลกธุรกิจที่ต่างชื่นชมซึ่งกันและกันมานาน

สื่อมวลชนสหรัฐฯ รายงานว่า Warren Buffett, ผู้ก่อตั้ง Berkshire Hathaway มหากาพย์นักลงทุนที่รวยหุ้นที่สุดในโลก ตามมาด้วย Jeff Bezos, CEO Amazon.com จอมราชันย์อีคอมเมิร์ซผู้ Disrupt วงการค้าปลีกทั้งโลก และ Jamie Dimon, สุดยอด CEO แห่งธนาคารยักษ์ใหญ่ JP Morgan มีความเห็นพ้องต้องกันที่จะร่วมกันสร้างธุรกิจสาย Healthcare ซึ่งเกิดจากความเห็นตรงกันว่า ราคาค่าใช้บริการสุขภาพสหรัฐฯ สูงเกินไปและเป็นการหากินแบบฟันกำไรจากผู้ป่วยเกินควร

Warren Buffett, CEO และผู้ก่อตั้ง Berkshire Hathaway กล่าวต่อสื่อว่า…

“The ballooning costs of healthcare act as a hungry tapeworm on the American economy. Our group does not come to this problem with answers. But we also do not accept it as inevitable.

Rather, we share the belief that putting our collective resources behind the country’s best talent can, in time, check the rise in health costs while concurrently enhancing patient satisfaction and outcomes…”

“…ค่าบริการด้านสุขภาพกำลังเฟ้อตัวอย่างหนักและเป็นปัญหาระดับเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา แม้พวกเราจะไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้แบบเด็ดขาด แต่เราก็จะไม่ยอมอยู่เฉย ๆ และปล่อยให้มันเป็นไป…

พวกเรามีความเชื่อเดียวกัน และนำสรรพกำลังที่เรามี ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ ทุน และทีม มาร่วมสร้างธุรกิจบริการด้านสุขภาพที่น่าพึงพอใจสำหรับประชาชน…”

Jamie Dimon, CEO แห่งธนาคารยักษ์ใหญ่ JP Morgan กล่าวเสริมว่า…

“…The three of our companies have extraordinary resources, and our goal is to create solutions that benefit our U.S. employees, their families and, potentially, all Americans…”

“…บริษัททั้งสามของเราเมื่อรวมกันแล้วก่อเกิดทรัพยากรอันเหลือล้นที่จะนำมาสร้างประโยชน์ให้แก่ประชนชนชาวสหรัฐฯ และเราเล็งไปถึงความสามารถที่เข้าถึงผู้ต้องการบริการทุกคน ทุกซอก ทุกมุม และทุกหัวระแหงในแผ่นดินสหรัฐอเมริกา…”

ปัญหา Healthcare ในสหรัฐฯ

สถิติของ World Health Organisation หรือ WHO รายงานว่าในปี 2017 ผู้ป่วยในกลุ่มผู้มีรายได้น้อยในสหรัฐฯ เข้าถึงการบริการด้านสุขภาพเพียงประมาณ 56% จากผู้ต้องการบริการทั้งหมด (ในกลุ่มนี้) ในขณะเดียวกัน ทางฝั่ง Corporate หรือ องค์กร และ บริษัทต่าง ๆ ต่างต้องแบกรับต้นทุนด้านสวัสดิการพนักงานในหมวดสุขภาพมาขึ้นทุกปีอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

การผนึกกำลังกันของ 3 จอมทัพเพื่อบุกธุรกิจ Healthcare นี้จะส่งผลทันที คือ ฐานพนักงานของทั้ง 3 บริษัทซึ่งมีรวมกันมากกว่า 1.1 ล้านคนที่จะผันเป็นลูกค้ากลุ่มแรกของทั้งสาม และหากทำสำเร็จพวกเขาก็มีเป้าหมายที่จะบุกยึดกลุ่มเป้าหมายทั่วทั้งประเทศต่อไป

แม้การประกาศครั้งนี้จะมีข้อมูลด้านแผนงานที่เป็นรูปธรรมน้อยมาก และแทบไม่เปิดเผยกำหนดการณ์ใด ๆ หลังจากนี้ต่อสื่อเลย แต่แนวคิดของทั้ง 3 ก็สร้างผลกระทบสั่นสะเทือนไปทั่วสหรัฐฯ โดยนักลงทุนมีการเทขายหุ้นในกลุ่มบริษัทผลิตยาและกลุ่มธุรกิจสุขภาพเป็นจำนวนมาก

 

Sources:

https://www.cnbc.com/2018/01/30/how-jamie-dimon-jeff-bezos-and-warren-buffett-got-together-to-change-american-health-care.html

http://time.com/money/5124642/warren-buffett-jeff-bezos-cheaper-health-care-insurance-costs/

https://mashable.com/2018/01/30/amazon-health-care-insurance-warren-buffett-jp-morgan/