ผู้ประกอบการและผู้บริโภคเตรียมรับมือ ราคาน้ำมันดิบพุ่งแล้วกว่า 13%

เหตุการณ์โดรนโจมตีโรงกลั่นน้ำมัน 2 แห่งของบริษัท Aramco ซาอุดิอะรับเบีย เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2562 เป็นเหตุให้โรงกลั่นต้องปิดการผลิตลงครึ่งหนึ่ง ส่งผลกระทบราคาน้ำมันโลกพุ่งสูงทันที

วันที่ 16 กันยายน 2562 ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 61.49 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 12.1% ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 68.61 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 13.9% ก่อนที่ล่าสุด ราคาน้ำมันดิบ WTI และ Brent จะปรับลงมาอยู่ที่ 59.65 และ 66.14 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ตามลำดับ

ส่วนความคืบหน้าเรื่องการโจมตีโรงกลั่นน้ำมัน 2 แห่งของบริษัท Aramco ซึ่งเป็นรัฐวิสากิจของซาอุฯ ได้แก่ Abqaiq และ Khurais รับผิดชอบกำลังการผลิตน้ำมันรวมกันถึง 8 – 9% ของโลก และต้องปิดการผลิตไปถึงครึ่งหนึ่งนั้น ทางกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมนออกมาแถลงว่า เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีโรงผลิตน้ำมันทั้ง 2 แห่ง ด้วยโดรนระเบิด 10 ตัว

อย่างไรก็ดี สหรัฐฯ ไม่เชื่อว่าการโจมตีดังกล่าวเป็นฝีมือของกลุ่มกบฏฮูตี แต่กล่าวว่าเป็นฝีมือของอิหร่าน ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศของอิหร่านได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาจากสหรัฐฯ แล้ว ในขณะที่ นาย Donald Trump ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทวีตข้อความว่า “จากเหตุโจมตีแหล่งผลิตน้ำมันที่ซาอุฯ อาจส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมัน จึงได้สั่งให้ปล่อยน้ำมันออกจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ เพื่อให้เพียงพอต่อการรักษาอุปทานน้ำมันโลกให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม”

ด้านนักวิเคราะห์ในไทย มองว่า ผลกระทบนี้อาจส่งผลดีระยะสั้น หรือ 2 ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ให้แก่ธุรกิจพลังงานที่สร้างรายได้จากน้ำมัน แต่จะส่งผลกระทบเรื่องต้นทุนต่อผู้ประกอบการที่ต้องพึ่งพาอาศัยน้ำมันเป็นส่วนประกอบหลัก อาทิ กลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ กลุ่มรับเหมาและวัสดุก่อสร้าง และกลุ่มค้าปลีก เป็นต้น

อ่านเพิ่มเติม

โรงกลั่นน้ำมันยักษ์ใหญ่ของซาอุฯ ถูกโจมตี หลังมีแผนนำโรงน้ำมันเข้าตลาดหุ้น

ราคาน้ำมันอาจพุ่งเพิ่มขึ้นอีก 10 เหรียญต่อบาร์เรล หลังเหตุการณ์โจมตีโรงกลั่นน้ำมันซาอุฯ