5 สิ่งที่คุณต้องเตรียมตัวก่อนก้าวเป็นนายตัวเอง (และไม่ใช่เรื่องเงิน)

sss

ปัจจุบันนี้หลายคนสามารถพัฒนาธุรกิจสวนตัวเล็กๆ คู่กับงานประจำได้แล้ว โดยมากเป็นธุรกิจออนไลน์เช่น E-commerce และ Infopreneur เพราะไม่ต้องเปิดหน้าร้าน และใช้เงินลงทุนไม่มาก บางครั้งทำไปทำมาผลลัพธ์ดีกว่าเงินเดือนแต่ก็ลังเลใจว่าจะก้าวออกมาลุยเต็มตัวเลยดีไหม

ไม่แปลกที่คุณจะรู้สึกลังเลเพราะการทำธุรกิจส่วนตัวไม่มีใครดูแลความมั่นคงให้คุณอีกแล้ว ผมจำความรู้สึกหลังเขียนใบลาออก ตลอดทั้งเดือนผมมีความกลัวและคิดตลอดว่าผมตัดสินใจผิดหรือเปล่า เมื่อก้าวออกมาแล้วก็มีมากสิ่งจริงๆ ที่คุณต้องจัดการซึ่งมันไม่ได้มีแค่อัพสินค้าขึ้นเว็บไซต์ โพสต์ขายของผ่านเฟซบุ๊คเพียงเท่านั้น

คุณจะต้องเจอกับอะไรบ้างลองมาดูกันใน 5 สิ่งที่คุณต้องเตรียมตัวก่อนก้าวเป็นนายตัวเอง (และไม่ใช่เรื่องเงิน)

เตรียมใจลุยเต็มร้อย

การทำงานประจำเป็นเวลานานทำให้คุณรู้สึกลังเลใจที่จะก้าวมาทำธุรกิจส่วนตัวเต็มตัว แม้ธุรกิจที่คุณเริ่มก่อร่างสร้างไว้ระหว่างทำงานประจำจะสร้างรายได้ที่มากกว่าแล้วก็ตาม

ในใจคุณจะเกิดคำถามวิ่งวนไปทั่วหัวว่า “ถ้าออกแล้วไม่ดีอย่างที่คิดล่ะ” “ถ้าทำแล้วเจ๊งล่ะ” ฯลฯ แต่เชื่อเถอะว่าความกังวลนี้จะไม่หายไปไหน ตราบใดที่คุณยังอยู่ที่เดิมธุรกิจคุณก็จะ Scale ได้เพียงระดับหนึ่ง ทางเดียวที่จะรู้ผลว่าจะหัวหรือก้อยคือการออกมาลุยเต็มร้อย

ข้อมูลที่คุณใช้ตัดสินใจมีเพียงโมเดลธุรกิจที่คุณพิสูจน์แล้วว่าไปได้ในระหว่างที่คุณทำไปพร้อมงานประจำ ใช้ตัวเลขเหล่านั้นบวกกับการพยากรณ์ความน่าจะเป็นของรายได้ทั้งปีว่าประมาณไหนเพื่อชั่งใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป แต่เมื่อตัดสินใจที่จะก้าวแล้วต้องติดสินใจให้เด็ดขาดจริงๆ แล้วลุย

มีคู่หู

การทำธุรกิจส่วนตัว ท้าทาย หนัก และเครียดมาก คุณจะพบโลกความจริงอันโหดร้ายของชีวิตนักธุรกิจหลังจากลาออกมาทำเต็มตัวแล้วเท่านั้น

ลองสังเกตธุรกิจ Startup ที่ประสบความสำเร็จสูงๆ บางรายจะมี Co-founder เด่นๆ เพียงสองคนเป็นคู่หูดูโอ หมายความว่าคุณไม่จำเป็นต้องรายล้อมด้วยเพื่อนฝูงมากมาย การทำธุรกิจส่วนตัวแล้วมีเพื่อนเยอะไม่ได้แปลว่าดีเสมอไป เพราะอาจเต็มไปด้วยเสียงที่ทำให้คุณยิ่งสับสนและหลงทาง

คุณต้องการคู่หูคนสนิทเพียง 1-2 คนที่เป็นคอเดียวกัน มีความฝันและเป้าหมายคล้ายกันไว้คอยเป็นเพื่อนคู่คิดและที่ปรึกษาในเวลาที่คุณท้อใจและคิดอะไรไม่ออก

มีวินัย

ในช่วงเริ่มต้นออกมาทำเต็มตัวชีวิตคุณจะ Fast-life มากๆ คุณไม่มีเงินเดือนอีกแล้ว ฉะนั้นคุณต้องทำงานแข่งกับเวลาเพื่อหารายได้เข้าบัญชีให้เพียงพอต่อการบริหารธุรกิจและชีวิตส่วนตัว

ในแต่ละวันมีกิจกรรมมากมายที่คุณต้องทำเองทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การขายผลิตภัณฑ์ปัจจุบัน การทำการตลาด การออกไปประชุมและพบปะผู้คน ฯลฯ และแน่นอนว่างานเอกสารหลายๆ อย่างคุณก็ต้องทำเอง

เหล่านี้หากคุณไม่วางแผน ชีวิตคุณจะมั่วมากๆ ฉะนั้นจงกำหนดแผนงานที่ต้องทำในแต่ละวันและแต่ละสัปดาห์ จากนั้นก็เดินตามแผนอย่างมีระเบียบวินัยเพื่อให้คุณไม่หลงทาง

อยู่ห่างคนคิดลบ

คนคิดลบในที่นี้หมายถึงเสียงนกเสียงกา เสียงติเพื่อทำลาย และเสียงคนที่คอยฉุดรั้งคุณให้ต่ำลงมา

นี่คือความจริงที่คุณต้องเผชิญ คนบางคนที่ไม่อยากให้คุณประสบความสำเร็จไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามเขาจะแสดงพฤติกรรมดังกล่าวมายังคุณทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการแสดงผ่านทาง Social media ใช่ครับ! คนเหล่านั้นมีทั้ง เพื่อนเผินๆในเฟซบุ๊ค เพื่อนจริงๆ และแม้แต่ญาติกันเอง

อยู่ห่างคนเหล่านี้ด้วยการ Unfollow หรือ Unfriend ออกไปจากชีวิตโซเชียล และอย่านำสิ่งที่ได้รับรู้มาโพสต์แก้ต่างแถลงไขใดๆ ทั้งสิ้น อย่าโพสต์ตัดพ้อ อย่าโพสต์เหน็บ เพราะมันยิ่งเป็นการตอกย้ำเรื่องลบๆ ลงไปในใจคุณ พูดง่ายๆ อย่าเสียเวลาพูดถึงพวกเขา อย่าเอาเวลาตัวเองไปให้ราคา แต่จงเดินหน้าทำหน้าที่สำคัญของคุณต่อไป

Networking-Networking-Networking

บางคนคิดโยงคำว่า Networking ไปกับการขายตรง –จริงๆ Networking เป็นกิจกรรมทางธุรกิจและสังคมอย่างหนึ่ง เป็นกระบวนการสร้างและขยายความสัมพันธ์กับผู้คนตามปกติครับ

เมื่อเริ่มทำธุรกิจคุณต้องรู้จักคนให้มาก เพราะความสัมพันธ์ต่างๆนำมาซึ่งโอกาสอย่างคาดไม่ถึงและบางครั้งก็อาจมาจากคนต่างอุตสาหกรรม จงให้เกียรติและอ่อนน้อมให้มากที่สุด คุณไม่รู้หรอกว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคุณอาจเป็นผู้มีอิทธิพลในวงการสำคัญๆ หรือคนที่อยู่ตรงหน้าอาจเป็นคนตัวเล็กๆ ที่กำลังจะกลายเป็นคนใหญ่โตในอีก 6-12 เดือนข้างหน้า