เทคนิคพิชิตเป้าหมาย การันตีผลสำเร็จ แบบ Atomic Habits

เป้าหมายใหญ่จะถูกพิชิตลงได้จะต้องเริ่มต้นลงมือทำ และสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ ทำสม่ำเสมอ แนวคิด “The power of tiny gains” จากหนังสือ Atomic Habits จะช่วยให้คุณเข้าใจว่า แรงบันดาลใจเพียงอย่างเดียวไม่อาจพาใครไปถึงฝั่งฝัน เพราะความสำเร็จที่ยั่งยืนจะต้องอาศัยระบบ ที่ช่วยให้คุณลงมืออย่างสม่ำเสมอทุกวัน!

ต่อไปนี้ คือ 4 ข้อคิดที่สรุปจากแนวคิด “The power of tiny gains” ที่อาจช่วยเพิ่มโอกาสให้คุณทำเป้าหมายให้สำเร็จ

1. เปลี่ยนคำที่ใช้พูดกับตัวเองจาก “ฉันอยากเป็นอะไร” ไปเป็น “ฉันคือใคร”

บางคนอาจตั้งเป้าหมายว่า “ฉันอยากรวย” หรือ “ฉันอยากสุขภาพดี” แต่ตราบใดที่ภายในใจของพวกเขายังคิดว่า “ฉันไม่เก่ง “ฉันขี้เกียจ” “ฉันอ่อนแอ” ก็ยากที่จะได้ในสิ่งที่ต้องการ ดังนั้นจงเปลี่ยนโจทย์จาก “ฉันอยากสุขภาพดี” ไปเป็น “ฉันคือคนรักสุขภาพ” “ฉันคือคนใส่ใจสุขภาพ” จากนั้นให้ลิสต์พฤติกรรมของคนรักสุขภาพ เช่น การเลือกรับประทานอาหาร การตัดของหวานออกจากรายการ และการทำตารางออกกำลังกาย เป็นต้น

การบอกกับตัวเองว่า อยากได้ อยากมี อยากเป็นอะไรนั้นอาจปลุกไฟให้คุณในช่วงแรก แต่การปลูกฝังจิตใต้สำนึกว่า คุณคือใคร และ สร้างแผนการลงมือทำที่ชัดเจน จะยึดเหนี่ยวศรัทธาให้คุณเดินหน้าต่อโดยไม่ต้องการการปลุกไฟบ่อย ๆ

2. เปลี่ยนเป้าหมายให้กลายเป็นนิสัย

การตั้งเป้าหมาย เป็นงานที่คนส่วนใหญ่สามารถทำได้ไม่ยาก แต่มีคนส่วนน้อยที่ทำสำเร็จ เพราะระหว่างทางจากจุดเริ่มต้น ไปจนถึงเป้าหมาย คือ ระยะทางอันกว้างใหญ่และยาวนานที่ต้องการการลงมือทำอย่างสม่ำเสมอโดยมันไม่สนใจว่าคุณจะอยากทำหรือไม่ 

คนที่ทำตามเป้าหมายสำเร็จ คือ คนที่สามารถเปลี่ยนช่องว่างระหว่างทางตรงนี้ให้กลายเป็น กิจวัตรประจำวัน เหมือนคนที่ตื่นเช้ามาชงกาแฟสด และออกไปรดน้ำต้นไม้ในยามเย็นทุกวัน โดยไม่ต้องอาศัยแรงบันดาลใจใด ๆ

ยกตัวอย่าง : หนึ่งในเป้าหมายยอดนิยมของคนทั่วไป คือ อยากเขียนหนังสือสักเล่ม แต่การเขียนหนังสือเป็นงานที่ใช้เวลานาน มีเพียงคนส่วนน้อยที่ลงมือเขียน และส่วนน้อยยิ่งกว่าที่เขียนจนจบ

ถ้าคุณอยากเขียนหนังสือให้สำเร็จ จงแบ่งเป้าหมายการเขียนของคุณเป็นกิจวัตรย่อย เช่น ตั้งเป้าเขียนวันละ 1 หน้า หรือ วันละ 15 นาที เมื่อเป้าหมายไม่ได้ใหญ่จนเกินไป คุณจะเกิดความรู้สึกว่าไม่ได้ใช้เวลามากที่จะนั่งลงแล้วเขียน และเมื่อทำทุกวัน สมองก็จะจดจำความเคยชิน นี่คือแนวคิด The power of tiny gains นิสัยลงมือทำสิ่งเล็ก ๆ แต่ทำทุกวัน อาจมีพลังมากกว่าเป้าหมายใหญ่ที่คุณเลือกทำแค่บางวัน หรือเฉพาะวันที่รู้สึกมีไฟ

5. เป้าหมายที่ชัดสำคัญช่วงแรก ส่วนระบบที่ดีสำคัญตลอดเส้นทาง

เป้าหมายที่ชัดเจน คือ เข็มทิศที่จะชี้ทางที่คุณจะเดินไป แต่เมื่อคุณเริ่มออกเดินทางแล้ว แผนงาน และ ระบบที่ดี มีบทบาทสำคัญที่สุดในการพาคุณไปถึงฝั่ง

ยกตัวอย่าง : คนสองคนที่อยากลดน้ำหนัก 10 กิโลกรัมเหมือนกัน คนแรกพูดกับตัวเองทุกวันว่าฉันอยากลดน้ำหนัก 10 กิโลกรัมใน 3 เดือน ในขณะที่คนที่สองไม่พูดอะไรเลย แต่ออกแบบระบบให้ตัวเองต้องตื่น 6 โมงเช้ามาวิ่ง 30 นาทีทุกวัน – คุณคงเดาได้ไม่ยากว่าใครจะลดน้ำหนักสำเร็จก่อนกัน

จงออกแบบระบบที่เอื้อให้คุณต้องลงมือทำ จนกลายเป็นนิสัย โดยไม่ต้องรอแรงบันดาลใจ ในกรณีตัวอย่างนี้ หากเป้าหมาย คือ ลดน้ำหนัก สิ่งที่ต้องทำคือ ออกวิ่งทุกวัน – ดังนั้น ให้เปลี่ยนจากตั้งเป้าลดน้ำหนัก ไปเป็นตั้งเป้าออกวิ่งทุกวัน และหาระบบหรือกระบวนการช่วยทำตามเป้าหมาย อาทิ วางชุดวิ่งไว้ข้างเตียง วางรองเท้าวิ่งไว้กลางบ้าน เพื่อเตือนตัวเอง และเพื่อให้หยิบมาสวมใส่ง่าย โดยไร้ข้ออ้าง เป็นต้น

4. อย่ามัวคาดหวังที่จะเห็นผลลัพธ์ทันที

หนึ่งในกับดักที่ทำให้คนล้มเลิกกลางทาง คือการคาดหวังผลลัพธ์ที่รวดเร็วเกินจริง เช่น เมื่อพวกเขาวิ่งออกกำลังกายได้เพียง 5 วัน แล้วชั่งน้ำหนักตัวเองทุกวัน แล้วรู้สึกท้อแท้ใจที่น้ำหนักไม่ลดเสียที คิดว่าไม่ได้ผล และเลิกวิ่งไปในที่สุด เป็นต้น

เราจำเป็นต้องเข้าใจว่า ความเปลี่ยนแปลงใหญ่ ๆ ในชีวิตไม่สามารถเกิดขึ้นภายในหลักวัน หรือแม้แต่หลักสัปดาห์ มันคือกระบวนการทำสะสมไปเรื่อย ๆ เป็นเดือน ๆ และปี ๆ คุณไม่สามารถมองเห็นความเปลี่ยนแปลงรายวันได้ แต่เมื่อคุณทำสม่ำเสมอไม่หยุด เมื่อผ่านไป 1 ปี ผู้คนจะเห็นและทักถึงความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นในตัวคุณอย่างแน่นอน

สรุป

เป้าหมายอาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่ตัวตน นิสัย และระบบ คือสิ่งที่พาคุณไปถึงเส้นชัยได้จริง อย่ารอแรงบันดาลใจ อย่าหวังผลลัพธ์ทันที จงเริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ ที่ทำได้ทุกวัน แล้ววันหนึ่งคุณจะกลายเป็น “คนแบบที่คุณเคยอยากเป็น” โดยไม่ต้องฝืน เพราะมันจะกลายเป็น “ตัวคุณ” อย่างแท้จริง