กรณีศึกษา Getupteacher ทำคอร์สเดียวยอดขาย 12 ล้านบาท

กรณีศึกษา ธุรกิจจัดอบรมสัมมนาไทย ทำคอร์สออนไลน์คอร์สเดียว ยอดขายสะสม 1 ปีเศษ ประมาณ 12 ล้านบาท เรื่องราวเป็นอย่างไร CEO Channels จะเล่าให้ฟังอย่างละเอียด

บริษัทนี้ชื่อ นวัตกรรมสร้างสรรค์การศึกษา จำกัด ดำเนินธุรกิจจัดอบรมสัมมนาข้าราชการครู มีแฟนเพจหลักชื่อ Getupteacher บริษัทฯ จัดในรูปแบบสัมมนาสด มีรายได้ 8 หลักต่อปี จนกระทั่งปี 2562 เกิดเหตุการณ์ COVID-19 ระบาด

ทางการจำเป็นต้องหยุดการจัดอบรมสัมมนาสดคุณครูทั่วประเทศ ส่งผลให้ปี 2020 เป็นต้นไป บริษัทจะไม่มีรายได้จากสัมมานาสด อย่างไม่มีกำหนด ทีมงานจึงรีบปรับแผนดำเนินธุรกิจจากออฟไลน์ 100% ไปสู่ออนไลน์ 100%

CEO Channels เข้าให้คำปรึกษาโมเดลธุรกิจการสอนแบบออนไลน์ และสอนการตลาดแบบ Funnel marketing รวมไปถึงดูแลโฆษณาเฟซบุ๊ค ในช่วงเปิดขายคอร์สออนไลน์ หลังเทรนนิ่งเสร็จ พวกเขารีบลงมือทำทันที

ทีมงาน Getupteacher เริ่มออกแบบหลักสูตรอบรมคุณครูให้เหมาะกับการสอนแบบออนไลน์ โดยบริษัทนี้ใช้โมเดลพาร์ทเนอร์กับวิทยากร และส่วนแบ่งแบบ Revenue sharing

กลยุทธ์การตลาด

ภาพรวมแผนการตลาดโดยคร่าว ดังนี้:

– พัฒนาสื่อออนไลน์ ปั้นสื่อให้เป็นแบรนด์ที่กลุ่มเป้าหมายจดจำง่าย

– เวลาและทีมงานมีจำกัด โฟกัสหนึ่งช่องทางหลักให้แข็งแกร่ง กรณีนี้เลือก Facebook เป็นหลัก

– สร้างฐานผู้ติดตาม ด้วย Content marketing

– เปลี่ยนผู้ติดตามเป็น Fanclub ที่โดนตกคนเข้าด้อมด้วย Lead generation

– ทดสอบตลาดด้วยคอร์ส Tier ราคาต่ำ ราคาหลักร้อย เน้นซื้อง่าย ๆ เพื่อเปลี่ยน Fanclub เป็น Customer รุ่นแรก

– บุกตลาดด้วยคอร์ส Tier ราคาสูงขึ้น ราคาหลักพัน

ผลลัพธ์ยอดขาย

ข้อมูลรายได้ สามารถดูในเว็บไซต์กรมธุรกิจและการค้า (DBD) โดยงบการเงินเป็นยอดรวมจากสินค้าและบริการอื่นด้วย ดังนั้น จะจำแนกเฉพาะส่วนที่เป็นคอร์สออนไลน์อย่างเดียว ดังนี้:

– คอร์สออนไลน์ตัวเต็ม หลักสูตร ‘อบรมพัฒนาครู’ เริ่มขายช่วงปลายปี 2563 – 2564 หรือประมาณ 1 ปีเศษ

– คอร์สราคา หนึ่งพันบาทต้น ๆ

– จำนวนขายรวมประมาณ 12,000 sales +/-

– ปี 2564 เป็นปีที่มีรายได้จากคอร์สออนไลน์ 100% ยอดขายประมาณ 7,700,000 บาทเศษ

– รายได้รวม 1 ปีเศษ จำนวนประมาณ 12,000,000 บาทเศษ

สถิติเพิ่มเติม

ข้อมูลจากเว็บไซต์ สนง คณะกรรมการการศึกษาฯ เผยว่า:

– จำนวนข้าราชการครู มีจำนวนประมาณ +/- 350,000 คน

– Getupteacher ได้ลูกค้าครูมา 12,000 คน

– คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดที่ได้ไปประมาณ 3.4%

สรุป 4 กลยุทธ์ Getupteacher ทำการตลาดออนไลน์

ณ จุดนี้ คนทั่วไปอาจคิดว่า แนวทางคอนเทนต์ของเพจข้าราชการครูย่อมหนีไม่พ้น ‘คอนเทนต์ความรู้’ ใช่หรือไม่?

แต่อันที่จริง! แบรนด์เลือกที่จะใช้คอนเทนต์แนว มีม ขำขัน น่ารัก ประชดประชัน/หยิกหยอกเหตุการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตอาชีพคุณครู เป็นตัวนำ ซึ่งได้ผลมาก และทำให้แฟนเพจเปิดใหม่ทะยานไปไกลถึง 100 ล้าน Organic reach ภายในปีแรก

ไปดูแนวคิดและกลยุทธ์กัน:

1. วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายแบบเจาะลึก

ทีมงาน Getupteacher ไม่ได้เริ่มต้นแฟนเพจด้วยการขายของทันที แต่เริ่มจากสร้างฐานแฟนคลับและรักษาความสัมพันธ์การกลุ่มเป้าหมายอย่างเข้มข้น และมีการวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายแบบเจาะลึก โดยกลุ่มเป้าหมายของแฟนเพจ คือ ข้าราชการครู

ตัวอย่างการวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายแบบเจาะลึก:

– เข้าไปดูโปรไฟล์ของข้าราชการครูแต่ละคนว่า ชอบโพสต์ข้อความแบบไหน

– ชอบเสพคอนเทนต์แบบไหน โดยสังเกตจากการแชร์คอนเทนต์มายังเฟซบุ๊คของพวกเขา

– ติดตามแฟนเพจอะไร และชอบอยู่ใน Facebook group อะไรบ้าง

– มักสนทนาถกเถียงเรื่องอะไรบ้าง โดยสังเกตจากคอมเมนต์ต่าง ๆ

– ใช้เวลาอยู่บนฟสบุคช่วงไหน และนานแค่ไหน

เมื่อได้กลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนแล้ววก็ไปยังข้อ 2…

2. วางแผนโพสต์คอนเทนต์ด้วยกฏ 80/20

จากการวิเคราะห์ของทีมงาน Getupteacher พบว่า ข้าราชการครูส่วนใหญ่งานหนัก และอยู่กับเรื่องวิชาการและเอกสารค่อนข้างเยอะ ซึ่งสรุปสั้น ๆ ว่าชีวิตคุณครูเครียดมาก

คุณครูจึงไม่ต้องการเสพเนื้อหาวิชาการหรือเรื่องหนัก ๆ เพิ่มอีกแล้ว และต้องการเสพเนื้อหาบันเทิง หรือเรื่องดราม่า

เหล่านี้จึงนำมาพัฒนาเป็นแนวทางคอนเทนต์ของแฟนเพจ

– โดย 80% ของคอนเทนต์เป็น Value content

– อีก 20% เป็นขายสินค้าหรือ Sales content

โดยในจำนวน 80% ของ Value content ยังสามารถแบ่งเป็น 4 ประเภท ได้แก่:

– คอนเทนต์บันเทิงเบาสมอง มีมขำ ๆ หยอกล้อวงการครู และเหตุการณ์ดราม่าต่าง ๆ

– คอนเทนต์เล่าสตอรี่คุณครูสู้ชีวิตต่าง ๆ

– คอนเทนต์ข่าวสารวงการครู การเชิดชูคุณความดีของคุณครูต่าง ๆ

– คอนเทนต์แจกเครื่องมือการทำงานและการพัฒนาอาชีพคุณครู

โดยคอนเทนต์ประเภทที่ 1 และ 2 มีจำนวนมากที่สุด และได้รับ Engagement สูงที่สุด นับเป็นทัพหน้าในการสร้างฐานแฟนคลับที่เหนียวแน่น ส่วน 2 กลุ่มล่าง คือ ตัวรักษาความภักดีของผู้ติดตาม คือ การให้สิ่งที่เป็นสาระประโยชน์แก่พวกเขาอย่างสม่ำเสมอ

3. ใช้ Facebook Group ในการทำ List Building

เป็นที่ทราบดีว่าแฟนเพจเปิดใหม่ปั้นยากมาก ดังนั้นเมื่อเราได้ผู้ติดตามมาด้วยความยากลำบากแล้ว ก็จะต้องพาพวกเขาเข้ามาอยู่ในฟันเนิลให้จงได้

กรณีแฟนเพจ Getupteacher ใช้ Facebook Group กลุ่มปิดเป็นฟันเนิล

โดยใช้ไฟล์เอกสารดาวน์โหลดที่คุณครูอยากได้เป็น Offer แจกฟรีดึงดูดให้คุณครูอยากสมัครเข้ากลุ่ม

4. การซื้อโฆษณา Facebook Ad

Organic reach ของเฟซบุ๊คมีวันอ่อนกำลัง ไม่ว่าโพสต์จะไวรัลแค่ไหนก็ต้องมีวันหมดแรง สำหรับคอนเทนต์ทั่วไปคงไม่มีปัญหาอะไร เมื่อ Organic reach ตกก็โพสต์คอนเทนต์ใหม่ ยกเว้น โพสต์ขายคอร์ส ยังจำเป็นต้องซื้อโฆษณาเพื่อให้วิ่งต่อไปหลังจากการเข้าถึงแบบ Organic reach หมดกำลัง

โดย Organic reach ของโพสต์ขายคอร์สจะมาจากแฟนคลับ และสมาชิกที่เหนียวแน่นต่อแบรนด์ที่ได้รับข้อมูลผ่านทางกลุ่มปิดกลุ่มลับต่าง ๆ (Funnel) จากนั้น ทางเพจจะเริ่มรันโฆษณาหลังจากที่ Organic reach เกิดขึ้นแล้วประมาณ 12 – 24 ชั่วโมง

การที่โพสต์มี Organic reach และ Engagement ที่ดีก่อนจะซื้อโฆษณา อาจช่วยให้อัลกอริธึมของเฟซบุ๊คอัลกอริธึมตีความว่า นั่นคือโพสต์ที่ยูเซอร์ชื่นชอบ อาจเพิ่มโอกาสให้เฟซบุ๊คผลักดันโพสต์นั้นออกไป และมีค่าโฆษณาโดยเฉลี่ยที่ต่ำลง เป็นต้น

สำหรับค่าโฆษณาเฟซบุ๊คของเพจประมาณไม่เกิน 10% ของรายได้รวม

** เหล่านี้เป็น performance เมื่อ 3 – 4 ปีที่แล้ว ปัจจุบันสถานการณ์ของ Facebook ad อาจเปลี่ยนไปแล้ว

หวังว่าทุกท่านจะได้ความรู้และแรงบันดาลใจไปไม่มากก็น้อย ลองเอากลยุทธ์เหล่านี้ไปปรับประยุกต์ใช้กับธุรกิจของแต่ละท่านกันนะครับ

คุณอาจสนใจ